เรื่องแก๊งคอลเซนเตอร์ และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ถือเป็นปัญหาระดับชาติของไทย เพราะสร้างความเสียหายให้กับประชาชนจำนวนมหาศาลในแต่ละปี แม้รัฐบาลจะทยอยออกมาตรการต่าง ๆ ออกมาแก้ไข แต่ก็ไม่อาจใช้เพียงกลไกภายในประเทศอย่างเดียวได้ เพราะต้นตอสาเหตุส่วนหนึ่งก็มาจากประเทศเพื่อนบ้างข้างเคียงของไทย ทำให้ต้องมีการพึ่งพาความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อให้แก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน

แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว หารือข้อราชการเต็มคณะ ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล
สอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยในโอกาสครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ลาว และได้เข้าพบกับ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีการหารือกระชับความร่วมมือทั้งสองประเทศให้ใกล้ชิดมากขึ้น ใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1. การสร้างความมั่นคงชายแดนให้ปราศจากปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น ยาเสพติด การค้ามนุษย์ และ การหลอกลวงทางออนไลน์ (Online Scam) 2. การส่งเสริมเศรษฐกิจเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศ และ 3.การเสริมสร้างสายสัมพันธ์อันพิเศษระหว่างประชาชนไทยและลาวให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ด้านยาเสพติด ทั้งสองฝ่ายต่างมองเห็นถึงความสำคัญในการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะการทำงานร่วมกันของหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทย-ลาว ที่ได้มีการประชุมและสร้างแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเข้มงวด นายกรัฐมนตรีไทยได้เสนอแนวทางเพิ่มเติม เช่น การแลกเปลี่ยนข่าวสารและขยายผลการสืบสวน และการสนับสนุนชุมชนปลอดยาเสพติดด้วยการปลูกพืชทดแทน รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือระดับท้องถิ่น โดยเฉพาะระดับจังหวัด-แขวง
ด้านขบวนการคอลเซนเตอร์หลอกลวง ไทย และสปป.ลาวต่างเน้นย้ำถึงความสำคัญอย่างยิ่งกับการปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ที่กระทบต่อความมั่นคงและประชาชนของทั้งสองประเทศ โดยไทยชื่นชมความสำเร็จของลาวในการกวาดล้างแก๊งคอลเซนเตอร์ในพื้นที่แขวงบ่อแก้วเมื่อปีที่ผ่านมา และเสนอให้มีการป้องกันไม่ให้ทรัพยากรต่าง ๆ ของทั้งสองประเทศถูกใช้ในทางที่ผิดเพื่อละเมิดกฎหมาย และขอให้ลาวกำหนดหน่วยงานหลัก เพื่อประสานงานร่วมกับศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศของสำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทย ด้านนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว พร้อมประสานความร่วมมือกับไทยอย่างต่อเนื่องในการขจัดปัญหาทั้งยาเสพติด คอลเซนเตอร์ และความมั่นคงตามชายแดนอื่น ๆ ต่อไป
ด้านหมอกควันข้ามแดน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่าต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน นายกรัฐมนตรี สปป. ลาว ขอบคุณฝ่ายไทยในการสนับสนุนอุปกรณ์และเทคโนโลยีในการตรวจสอบจุดความร้อน ส่งผลให้จุดความร้อนลดลงและหมอกควันความร้อนลดลง นอกจากนี้ ไทยได้เสนอแนวทางขยายความร่วมมือเพิ่มเติม เช่น การจัดตั้งห้องปฏิบัติการติดตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน รวมถึงการเชื่อมโยงฐานข้อมูลระหว่างกันเพื่อการแจ้งเตือนล่วงหน้า รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีจาก GISTDA ของไทยในการสนับสนุนการตรวจวัดคุณภาพอากาศ
ด้านการแก้ไขปัญหาอุทกภัย นายกรัฐมนตรียินดีที่ระบบโทรมาตรที่ไทยสนับสนุนการติดตั้ง มีส่วนช่วยการแจ้งเตือนระดับน้ำใน สปป. ลาว โดยไทยพร้อมสนับสนุนการติดตั้งระบบโทรมาตรใน สปป. ลาว เพิ่มเติม โดยเฉพาะในลำน้ำสาขาของแม่น้ำโขง และการเชื่อมโยงเครือข่ายโทรมาตรต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพของระบบแจ้งเตือนและการบริหารจัดการน้ำ
ด้านการค้าชายแดน ผู้นำทั้งสองประเทศได้แสดงความยินดีกับการเพิ่มขึ้นของมูลค่าการค้าทวิภาคีระหว่างกัน โดยในปีที่ผ่านมา มีมูลค่ากว่า 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยและ สปป.ลาว ขอให้มีการขยายเป้าหมายการค้า 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ออกไปจนถึงปี 2570 โดยนายกรัฐมนตรีขอบคุณ สปป.ลาว ที่ช่วยแก้ไขปัญหาการขนส่งสินค้าเกษตรผ่านแดน ในขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ยังเห็นพ้องให้มีการพัฒนาความร่วมมือในด้านการค้าชายแดนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการลดการเผาในอุตสาหกรรมเกษตรที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในทั้งสองประเทศ
ด้านโลจิสติกส์และความเชื่อมโยง นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว มองว่า การพัฒนาโลจิสติกส์และความเชื่อมโยงระหว่างไทย-ลาว โดยเฉพาะในด้านการคมนาคมทั้งทางบกและราง จะช่วยส่งเสริมบทบาทของทั้งสองประเทศ และยินดีกับการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) ที่จะพร้อมเปิดใช้งานในปลายปีนี้ รวมทั้งเห็นพ้องที่จะร่วมกันจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ และพร้อมสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ให้มีความก้าวหน้า ได้แก่ โครงการก่อสร้างสะพานรถไฟแห่งใหม่ที่จังหวัดหนองคาย โครงการเชื่อมต่อรถไฟไทย-ลาว กับระบบรถไฟลาว-จีน และการเชื่อมต่อระบบรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน กับระบบรถไฟลาว-จีน นอกจากนี้ จะส่งเสริมให้มี กิจการร่วมค้า (Joint Venture) ระหว่างภาคเอกชนไทย-ลาว เพื่อบริหารจัดการการขนส่งและโลจิสติกส์ในภูมิภาค
ขณะเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์และความร่วมมือในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ โดยไทยพร้อมร่วมมือกับ สปป. ลาว อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในกรอบอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและกรอบอาเซียนเพื่อส่งเสริมผลประโยชน์และแก้ไขปัญหาที่ภูมิภาคเผชิญร่วมกันต่อไป
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง