สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยุโรปได้ยื่นกระทู้คำถามอย่างเป็นทางการต่อประธานรัฐสภายุโรป (European Parliament) เพื่อตั้งกระทู้ถามคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) เกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายประมงของไทยที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรไทยเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยกังวลว่าการแก้ไขดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อมาตรฐานการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU fishing) และสภาพการทำงานของแรงงานในอุตสาหกรรมประมง
ทั้งนี้ ประเทศไทยยังเป็นประเทศส่งออกอาหารทะเลเข้าสหภาพยุโรป การละเลยให้ประเทศไทยดำเนินการประมงที่ขัดต่อหลักการประมงยั่งยืนและโปร่งใสอาจไม่เป็นธรรมทั้งต่อประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปและประเทศคู่ค้าอื่นๆของสหภาพยุโรปอีกด้วย โดยการผ่อนปรนกฎหมายนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ไทยและสหภาพยุโรปกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาทำข้อตกลงการค้าเสรี (EU-Thailand FTA)
รัฐสภายุโรปจี้กมธ.แจงท่าทีต่อร่าง พ.ร.บ. ประมงไทย
เมื่อวันที่ 13 ม.ค. นายนิโคลัส กอนซาเลซ กาซาเรส (Nicolás González Casares) สมาชิกรัฐสภายุโรปชาวสเปนจากพรรคแรงงานสังคมนิยมสเปน (Partido Socialista Obrero Españo) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มพันธมิตรก้าวหน้าของสังคมนิยมและประชาธิปไตย ยื่นกระทู้หมายเลข E-000104/2025 ถามคณะกรรมาธิการยุโรปเรื่องท่าทีต่อร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. … ของไทย ภายหลังผ่านการลงมติเห็นชอบโดยสภาผู้แทนราษฎรไทยในวาระ 2 – 3 ไปเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2567 และภายหลังวุฒิสภาได้ลงมติรับหลักการในวาระ 1 เมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2568
กระทู้ถามจากสภายุโรป
นายนิโคลัสได้ยื่นกระทู้ถาม 2 ข้อ โดยตามระเบียบรัฐสภายุโรปนั้น คณะกรรมาธิการยุโรปในฐานะฝ่ายบริหารจะต้องปรึกษากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วจึงส่งคำตอบอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรกลับรัฐสภายุโรปภายใน 30 วัน โดยในคำถามที่นายนิโคลัสได้ยื่นกระทู้ได้แก่
- คณะกรรมาธิการยุโรปจะดำเนินมาตรการใดเพื่อตอบโต้การแก้ไขกฎหมายที่สวนทางกับพันธกรณีในการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมายและการคุ้มครองสภาพการทำงานของแรงงาน
- ยุโรปจะปกป้องอุตสาหกรรมอาหารทะเลกระป๋องของตนอย่างไร จากการถอยหลังของมาตรฐานกฎหมายไทยในบริบทของการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี โดยคำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่าไทยเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ปลาทูน่ารายใหญ่ที่สุดของโลก
อนึ่ง ท่าทีของนายนิโคลัสสอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของโฆษกของคณะกรรมาธิการยุโรป ที่ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว The Telegraph เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2567 ว่า สินค้าอาหารทะเลของไทยอาจถูกนำออกจากชั้นขายของในห้างค้าปลีกของประเทศตะวันตก หากยังเดินหน้าร่างกฎหมายลดการปกป้องแรงงานเรือประมง โดยใบเหลืองที่ไทยเคยได้รับครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. 2558 หรือมาตรการคว่ำบาตรอื่น ๆ อาจถูกนำมาใช้กับไทยได้ในปี พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ยังเป็นที่น่าสังเกตว่า นายนิโคลัสเป็นสมาชิกรัฐสภายุโรปชาวสเปน ซึ่งประเทศสเปนถือได้ว่าเป็นคู่แข่งสำคัญของประเทศไทยในการป้อนความต้องการการบริโภคทูน่าของสหภาพยุโรป
ทั้งนี้ สเปนยังเป็นประเทศที่จะได้รับผลกระทบทั้งโดยทางตรงและทางอ้อมหากประเทศไทยเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีกับทางสภาพยุโรป จนเป็นผลให้ประเทศไทยได้รับสิทธิพิเศษทางการค้าด้านภาษีในการส่งออกทูน่าไปยังสหภาพยุโรป
ย้อนกลับจากมาตรฐานเดิม เสี่ยงต่อการคว่ำบาตรทางการค้า
ร่างกฎหมายฉบับใหม่ที่ถูกปรับลดมาตรฐานด้านต่าง ๆ อาทิ ขนาดตาอวน การขนถ่ายสัตว์น้ำกลางทะเลหลวง และการควบคุมด้านแรงงาน รวมถึงการลดบทลงโทษ ซึ่งขัดแย้งกับแนวทางที่ไทยเคยดำเนินการภายใต้กฎหมายปีพ.ศ. 2558 ที่ออกมาเพื่อตอบสนองต่อการได้รับ “ใบเหลือง” จากคณะกรรมาธิการยุโรปในกรณีประมงผิดกฎหมาย โดยมาตราห่วงกังวลที่สำคัญซึ่งถูกเสนอแก้ไขได้แก่
● มาตรา 10/1-11/1: การลดทอนการคุ้มครองแรงงานข้ามชาติและแรงงานเด็กในสถานประกอบการแปรรูปสัตว์น้ำ
● มาตรา 69: การอนุญาตอวนล้อมจับปั่นไฟจับสัตว์น้ำด้วยอวนตาถี่ในเวลากลางคืนอันจะนำมาซึ่งความล่มสลายของทรัพยากรสัตว์น้ำ
● มาตรา 85/1: การเปลี่ยนแปลงข้อบทที่เกี่ยวกับการขนถ่ายสัตว์น้ำกลางทะเล จะสร้างความท้าทายในการตรวจสอบย้อนกลับที่มาของสัตว์น้ำ
● และอื่น ๆ
ผลกระทบต่อข้อตกลงการค้าเสรี (FTA)
ไทยเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกปลาทูน่ากระป๋องรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีตลาดยุโรปเป็นผู้บริโภครายสำคัญ คณะกรรมาธิการยุโรปเคยเตือนว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของไทยในฐานะประเทศคู่ค้าด้านอาหารทะเลที่มีความรับผิดชอบ
คณะกรรมาธิการยุโรปเคยเตือนแล้วว่าการดำเนินนโยบายที่ลดทอนมาตรการควบคุมประมงผิดกฎหมายอาจนำไปสู่การพิจารณาออกคำเตือนใบเหลืองอีกครั้ง และอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกอาหารทะเลของไทยไปยังตลาดยุโรป
ไทยต้องเผชิญกับแรงกดดันจากยุโรป
ท่ามกลางกระแสการค้าเสรีที่ต้องคำนึงถึงความยั่งยืน สหภาพยุโรปได้กำหนดมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิแรงงานเป็นเงื่อนไขสำคัญในการทำข้อตกลงทางการค้า หากไทยไม่สามารถรักษามาตรฐานการประมงที่โปร่งใสและยั่งยืน อาจเผชิญกับมาตรการกดดันทางการค้า หรือถูกจำกัดการเข้าถึงตลาดยุโรปในอนาคต
นักวิเคราะห์มองว่า การแก้ไขกฎหมายประมงของไทยอาจส่งผลเสียต่ออุตสาหกรรมประมงไทยเองในระยะยาว เนื่องจากประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างสหภาพยุโรปให้ความสำคัญกับหลักธรรมาภิบาลทางสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชนเป็นอันดับต้น ๆ
ปัจจุบัน ยุโรปถือเป็นหนึ่งในตลาดส่งออกอาหารทะเลรายสำคัญของไทย ซึ่งข้อกังวลจากฝั่งยุโรปอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ทางการค้าและแนวโน้มของข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสหภาพยุโรปและประเทศไทยในอนาคต
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง:
ประมงเสี่ยงเจอ IUU หลังเลิกคุ้มครองแรงงาน-ใช้อวนตาถี่
อียูจับตาแก้กฎหมายประมงไทย ยันกระทบเจรจา FTA
ประมงไทยยังเสี่ยงละเมิดสิทธิมนุษยชน