หลังจากเมื่อ วันที่ 19 มีนาคม 2568 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉบับฉบับที่ … พ.ศ. … ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว จำนวน 38 มาตรา ในวาระ 2 และวาระ 3 ด้วยคะแนนเสียง 365 ต่อ 0 เสียง
กระทั่งเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 ที่ประชุมวุฒิสภา ได้ผ่านความเห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ…ในวาระที่ 2 และ 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จำนวนเสียง 104 เสียง จากจำนวนผู้ลงมติ 119 เสียง
สาระสำคัญการแก้ไขกฎหมาย: ร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉบับใหม่ ได้ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาแล้ว ซึ่งมีการปรับปรุงแก้ไขเนื้อหาสำคัญในมาตรา 32 เดิมมาตรา 32/1 ห้ามผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เว้นแต่เป็นการให้ข้อมูลข่าวสาร ความรู้ หรือประชาสัมพันธ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุม
ห้ามโฆษณาเพื่อจูงใจให้คนอยากดื่ม
หัวใจสำคัญของกฎหมายฉบับใหม่ยังคงอยู่ คือ “ห้ามโฆษณาเพื่อจูงใจให้คนอยากดื่ม” โดยตรงหรือโดยอ้อม กฎหมายเดิม (พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551) ระบุห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แสดงชื่อหรือเครื่องหมาย ที่เป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม สรุปสาระสำคัญดังนี้
- ช่วงเวลาโฆษณาทางสื่อ: สามารถโฆษณาได้ในช่วงเวลา 22.00 – 05.00 น.
- ห้ามใช้ภาพบุคคลมีชื่อเสียงในการโฆษณา
- ห้ามบรรยายสรรพคุณ
- ห้ามโฆษณาโปรโมชั่นส่วนลดที่ระบุชื่อยี่ห้อ
- ห้ามใช้ภาพการ์ตูนหรือข้อความที่สื่อถึงเด็กและเยาวชน
- มาตรา 32 ห้ามมิให้โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือแสดงชื่อ/เครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงให้ผู้อื่นดื่ม ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
การประชาสัมพันธ์ทำได้เฉพาะการให้ข้อมูลข่าวสารและความรู้เชิงสร้างสรรค์ โดย ห้ามแสดงภาพสินค้า หรือบรรจุภัณฑ์ ยกเว้นในกรณีที่เป็นภาพสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มนั้น
ห้ามใช้ชื่อเสียงมาชวนคนดื่มเหล้าเว้นแต่ให้ความรู้เฉพาะกลุ่ม
มาตรา 32/2 ห้ามผู้ใดใช้ชื่อเสียงเพื่อแสวงหาประโยชน์ส่วนตนสื่อสารข้อมูล ต่อสาธารณชนโดยการแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยมุ่งหมายชักจูงใจให้ผู้อื่นบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เว้นแต่เป็นการสื่อสารทางวิชาการให้แก่สมาชิกในวงจำกัด ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุม
ห้ามโฆษณาโดยใช้ชื่อ โลโก้ หรือสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
มาตรา 32/3 ห้ามผู้ใดโฆษณาผลิตภัณฑ์หรือสิ่งอื่นใดที่ใช้ชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นชื่อหรือเครื่องหมายของผลิตภัณฑ์หรือสิ่งนั้น หรือโฆษณาโดยการนำเอาชื่อ เครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาตัด ต่อเติม หรือดัดแปลงข้อความให้ส่วนหนึ่งส่วนใดของชื่อหรือเครื่องหมายของผลิตภัณฑ์หรือสิ่งนั้น มีลักษณะทำนองทำให้เข้าใจได้ว่าหมายความถึงการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ห้ามสนับสนุนกิจกรรมสาธารณะ แฝงการส่งเสริมให้คนอยากดื่มแอลกอฮอล์
มาตรา 32/4 ห้ามผู้ใดให้การสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคมหรือเพื่อสาธารณประโยชน์แก่บุคคล กลุ่มบุคคล หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน โดยมีลักษณะเป็นการส่งเสริมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งนี้ ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุม
มาตรา 32/5 ห้ามผู้ใดเผยแพร่กิจกรรมหรือข่าวสารเพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมอันมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 32/4
ย้อนอดีต “กฎหมายคุมโฆษณา เหล้า-เบียร์”
การควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทย ที่มีการบัญญัติอย่างเป็นทางการ คือ พระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 ซึ่งหลักของกฎหมายนี้คือการควบคุมการผลิตและการจำหน่ายสุราในประเทศไทย
จากนั้นเริ่มมีการควบคุมผลกระทบที่เกิดขึ้นจากแอลกอฮอล์ โดยควบคุมเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2495 สมัยรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม และมีการปรับเปลี่ยนเรื่องการควบคุมเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาต่อเนื่อง
กระทั่งปี 2551 ยุครัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้ออก พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มีการกำหนดทั้งควบคุมการจำหน่าย และการห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นครั้งแรก
โดยมีการปรับแก้ การเพิ่มข้อรายละเอียดต่าง ๆ อาทิ ห้ามเอ่ยถึงสรรพคุณ ห้ามโชว์แบรนด์เหล้า-เบียร์ ห้ามชักชวนให้ดื่ม ห้ามขายออนไลน์ กำหนดเรื่องการโฆษณาบนสื่อออนไลน์ บนโซเชียลมีเดียและอื่น ๆ
กระทั่งมีจ้อเสนอ พ.ร.บ. สุราชุมชน ที่ผู้ประกอบการรายย่อย ระบุว่า การควบคุมโฆษณาทำให้รายเล็กไม่สามารถเติบโต แข่งขันได้ เพราะไม่มีช่องทางสื่อสาร ทำการตลาดได้ยาก จึงเห็นว่าถ้าปลดล็อก น่าจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจมากกว่า
กระทั่งในช่วง 1-2 ปีมานี้ รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย พยายามที่จะปลดล็อกเรื่องการขาย การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อจะกระตุ้นเศรษฐกิจ หนึ่งในนั้น คือ การปลดล็อกให้สถานบริการในพื้นที่ที่กำหนด สามารถเปิดได้จนถึง 04.00 น. แต่การจำหน่ายเหล้า-เบียร์ ก็ยังทำได้ถึงแค่เที่ยงคืนอยู่ดี
ผ่อนคลาย “ขายเหล้า-เบียร์”วันพระ
ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เมื่อเดือนมีนาคม 2568 ได้ปลดล็อกให้สามารถขายเหล้า-เบียร์ในวันพระใหญ่ได้ 5 สถานที่ ประกอบด้วย
ภายในอาคารผู้โดยสารสนามบินที่ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ, การขายในสถานบริการ, การขายในสถานบริการที่เปิดในพื้นที่ท่องเที่ยว, การขายในโรงแรม และการขายในสถานที่ซึ่งใช้จัดกิจกรรมพิเศษระดับชาติหรือนานาชาติ และคนจำนวนมากไปทำกิจกรรมร่วมกัน
แต่ช่วงเวลาห้ามขาย ช่วงเวลาอนุญาตจำหน่าย ยังคงเป็นตามเดิม คืออนุญาตขาย 11.00-14.00 น. และ 17.00-00.00 น. เพราะจะต้องแก้ไขกฎหมายก่อน
สำหรับร่าง พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ ฉบับใหม่ที่เพิ่งผ่านการเห็นชอบวุฒิสภาจะมีผลบังคับใช้ เมื่อมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จะมีผลบังคับใช้ใน 60 วันหลังประกาศ
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง: