ThaiPBS Logo

สภาพตลาดแรงงานย่ำแย่ “จ้างงานหดตัว-เด็กจบใหม่หางานยาก”

10 มิ.ย. 256814:41 น.
สภาพตลาดแรงงานย่ำแย่  “จ้างงานหดตัว-เด็กจบใหม่หางานยาก”
  • รายงานไตรมาส 1 /68  จ้างงานหดตัวลดลง 0.5 % ภาคเกษตรจ้างงานลดลงต่อเนื่อง
  • ลูกจ้างถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรมและไม่ได้รับค่าชดเชยสูงขึ้น
  • เด็กจบใหม่เสี่ยงตกงาน  นายจ้างเกินครึ่งไม่รับทำงานเพราะขนาดประสบการณ์
สภาพัฒน์ฯรายงานภาวะสังคมไทย ไตรมาส 1/68 พบว่าการจ้างงานหดตัว ลดลง 0.5 % จากไตรมาสหนึ่ง ปี 2567 ขณะที่เด็กจบใหม่ยังเสี่ยงตกงาน เหตุผู้บริหาร 89 % มองว่าเด็กจบใหม่ยังขาดประสบการณ์ ทำงานเป็นทีมไม่เป็น

สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสที่ 1/2568  พบว่าการจ้างงานในไตรมาสหนึ่งปี 2568 ยังคงหดตัวต่อเนื่อง โดยการจ้างงานปรับตัวลดลงจากผู้ทำงานจำนวน 39.4 ล้านคน  ลดลง 0.5% จากไตรมาสหนึ่ง ปี 2567

ส่วนการจ้างงานภาคเกษตรกรรมหดตัวลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน  ขณะที่การจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยที่ 0.5 % เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2567 โดยสาขาโรงแรม/ภัตตาคารยังคงขยายตัวได้ดีต่อเนื่องที่ 3.5 % แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเริ่มปรับตัวลดลง เช่นเดียวกับสาขาการขนส่ง/เก็บสินค้าที่ขยายตัวต่อเนื่องที่ 4.5 %

การจ้างงานสาขาการก่อสร้างหดตัวลง  5.1  % ตามกำลังซื้อในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัว เช่นเดียวกับสาขาการค้าส่ง/ค้าปลีกที่หดตัวที่ 3.1 % และสาขาการผลิตปรับตัวลงเล็กน้อยที่ 0.4  % โดยสาขาที่ลดลงมาก  คือ สาขาการผลิตเครื่องดื่ม เครื่องหนัง และ อุปกรณ์ไฟฟ้า

 ชั่วโมงการทำงานลดลง

ส่วนชั่วโมงการทำงานเฉลี่ยในภาพรวมและของภาคเอกชนในไตรมาสหนึ่งปี 2568 อยู่ที่ 40.8 และ 44.0 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ลดลงจากปีก่อน 0.6 % และ 0.1 %ตามลำดับ

ขณะเดียวกันผู้ทำงานล่วงเวลาที่มีชั่วโมงการทำงานมากกว่า 50 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ขึ้นไป ลดลง 5.0 % ขณะที่ผู้ทำงานต่างระดับลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 7.9 %

ชั่วโมงการทำงานเฉลี่ย

ชั่วโมงการทำงาน

ค่าจ้างแรงงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้น

ส่วนค่าจ้างแรงงานภาคเอกชนอยู่ที่ 14,273 บาทต่อคนต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสหนึ่งปี 2567  จำนวน 3.5  % เช่นเดียวกับค่าจ้างเฉลี่ยของแรงงานในระบบอยู่ที่ 15,565 บาทต่อคนต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 3.4  % อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาค่าจ้างเฉลี่ยในภาพรวมจะอยู่ที่ 16,246 บาทต่อคนต่อเดือน ลดลงเล็กน้อยที่ 0.8 %

ค่าจ้างเฉลี่ยและค่าจ้างที่แท้จริง ไตรมาสแรกปี 2568

ค่าจ้างเฉลี่ย,ค่าจ้างที่แท้จริง

จำนวนผู้ว่างงานลดลง 12.3%

การจ้างงาน ไตรมาสหนึ่ง ปี 2568 มีผู้ว่างงานประมาณ 3.6 แสนคน คิดเป็นอัตราการว่างงาน  0.88 % ลดลง 12.3% จากไตรมาสหนึ่งของปี 2567 ที่มีจำนวน 4.1 แสนคน หรือคิดเป็นอัตราการว่างงานที่ 1.01 % โดยผู้ว่างงานลดลงจากกลุ่มที่จบการศึกษาระดับมัธยมปลายหรือต่ำกว่า โดยเฉพาะกลุ่มที่เคยทำงานมาก่อน ขณะที่กลุ่มที่จบการศึกษาระดับอุดมศึกษายังคงมีอัตราการว่างงานสูงที่สุดที่ 1.84 %

นอกจากนี้ ผู้ว่างงานระยะยาวยังคงลดลงที่ 14.3  % หรือมีจำนวน 6.8 หมื่นคน ซึ่ง 69.8 %อยู่ในช่วงอายุ 20 – 29 ปี และเมื่อพิจารณาประสบการณ์การท างานพบว่า  74.3 % ของผู้ว่างงานระยะยาวไม่เคยทำงานมาก่อน โดยผู้ว่างงานกลุ่มนี้ระบุสาเหตุเนื่องจากหางานไม่ได้

ทั้งนี้ แม้ว่าผู้ว่างงานจะลดลงแต่ผู้เสมือนว่างงาน กลับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้ากว่า 14.6 % หรือมีจำนวน 4.3 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคเกษตรกรรม สำหรับอัตราการว่างงานในระบบ อยู่ที่ 1.88  % เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 1.84 % โดยมีผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานทั้งสิ้น 2.3 แสนคน

ธุรกิจไทยแข่งขันยาก ลงทุนนวัตกรรมน้อย

การประยุกต์ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ SMEs โดยข้อมูลจากรายงาน Thailand Economic Monitor February 2025 ของธนาคารโลก  พบว่าธุรกิจในไทยมีการใช้นวัตกรรมในกิจกรรมต่าง ๆ ในสัดส่วนที่น้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีการนำมาใช้ในกระบวนการผลิตเพียง 11.9 % น้อยกว่าประเทศฟิลิปปินส์ เวียดนาม และมาเลเซีย ที่มีสัดส่วนถึง 40.9 %  37.9 %  และ 37.3 %  ตามลำดับ

อีกทั้งยังมีการลงทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนาที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งถือเป็นข้อจำกัดต่อความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ และอาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ในปี 2567 ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กมีการจดทะเบียนเลิกกิจการไปเกือบ 2.4 หมื่นแห่ง และมีโรงงานเลิกกิจการไปกว่า 1,234 โรงงาน โดยเป็นโรงงานขนาดกลางและขนาดเล็กเป็นหลักกระทบกับแรงงานกว่า 3.5 หมื่นคน ซึ่งโรงงานที่เลิกกิจการส่วนใหญ่เป็นโรงงานในภาคการผลิตที่มีปัญหา

ด้านความสามารถในการแข่งขัน ดังนั้น จึงควรส่งเสริมให้ SMEs ไทยสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อเพิ่มโอกาสในการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในการยกระดับกระบวนการผลิต ลดต้นทุนและรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว โดยปัจจุบัน SMEs รองรับแรงงานไว้กว่า 12.9 ล้านคน ซึ่งหากสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันไว้ได้ จะส่งผลดีต่อสถานการณ์จ้างงานและรายได้ของแรงงานด้วย

เลิกจ้างไม่เป็นธรรมพุ่งสูงขึ้น

การสร้างหลักประกันกรณีถูกเลิกจ้างให้แก่แรงงาน พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 กำหนดให้นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามอายุงานให้แก่ลูกจ้างเมื่อมีการเลิกจ้างโดยที่ลูกจ้างไม่ได้กระทำผิด ซึ่งหากนายจ้างไม่จ่ายเงินชดเชยให้แก่ลูกจ้าง ลูกจ้างสามารถยื่นเรื่องต่อกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เพื่อขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างได้

สถานการณ์ในช่วงที่ผ่านมา พบว่า มีลูกจ้างจำนวนมากถูกเลิกจ้างและไม่ได้รับค่าชดเชยตามที่ควรจะเป็น โดยในหลายกรณี พบว่า สถานประกอบการที่เลิกกิจการเป็นสถานประกอบการต่างชาติ ซึ่งยากต่อการติดตามให้มาจ่ายค่าชดเชยให้กับลูกจ้างตามกฎหมาย ส่งผลให้ในช่วงปี 2563 – 2567 มีลูกจ้างที่ต้องมาขอรับเงินสงเคราะห์กรณีนายจ้างไม่จ่ายค่าชดเชยจากกองทุนฯ กว่า 21,663 คน ซึ่งคิดเป็น 40 % ของลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างในช่วงเวลาเดียวกัน

ขณะที่เงินชดเชยจากกองทุนฯ มีเพดานที่จำกัด  และไม่เป็นไปตามสิทธิที่แรงงานพึงได้รับตามกฎหมาย จึงควรมีการศึกษาและก าหนดมาตรการที่ชัดเจนที่จะทำให้ แรงงานที่ถูกเลิกจ้างดังกล่าวได้รับการชดเชย โดยอาจใช้กลไกการมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือการจัดตั้งเป็นกองทุน

เช่นในประเทศฝรั่งเศส ที่มีกองทุน ที่นายจ้างต้องสมทบเข้ามาตามกฎหมาย เพื่อคุ้มครองพนักงานในกรณีที่บริษัทล้มละลาย ซึ่งจะจ่ายเงินต่าง ๆ ให้แก่ลูกจ้าง อาทิ ค่าชดเชย ค่าจ้างค้างจ่าย รวมถึงค่าเลิกจ้าง โดยกองทุนนี้บริหารโดยหน่วยงานกึ่งเอกชน

จำนวนผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อนและไม่เคยทำงานมาก่อนจำแนกตามระดับการศึกษาสูงสุด

ว่างงาน

เด็กจบใหม่ขาดประสบการณ์หางานยากขึ้น

ส่วนเด็กจบใหม่อาจเสี่ยงต่อการตกงาน โดยผลการสำรวจผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคลในสหรัฐอเมริกา ของ Hult International Business School ร่วมกับ Workplace Intelligenceพบว่า ผู้บริหารกว่า 89 % มีแนวโน้มที่จะเลี่ยงการจ้างงานบัณฑิตจบใหม่ ซึ่งมากกว่าครึ่งมองขาดทักษะ ประสบการณ์

  • 60% มองว่าเด็กจบใหม่ยังขาดประสบการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริงไม่มีทักษะที่เหมาะสม 51% ขาดทักษะการทำงานเป็นทีม
  • 55% ยังมีมารยาททางธุรกิจที่ไม่ดีนัก
  • 50% เลือกที่จะจ้างฟรีแลนซ์หรือพนักงานที่เกษียณไปแล้วทดแทนหรือปล่อยให้ตำแหน่งว่าง

ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับมุมมองของผู้ประกอบการไทย จากข้อมูลการวิเคราะห์ประกาศรับสมัครงานออนไลน์ของ TDRI ที่พบว่า มีตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัครเพียง 22.3 % ที่ไม่ต้องการประสบการณ์ทำงานจากผู้สมัคร สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการให้ความสำคัญกับการมีทักษะและความเข้าใจในการทำงานจริงสอดคล้อง กับอัตราการว่างงานในแรงงานกลุ่มอายุน้อยและแรงงานที่จบการศึกษาในระดับอุดมศึกษาที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น

และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ดังนั้น เพื่อให้มีคุณสมบัติที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน แรงงานจบใหม่จึงควรเตรียมความพร้อมตนเองให้เหมาะสม ทั้งในด้านทักษะที่จำเป็นต่อสายงานและทัศนคติต่อโลกการทำงาน ขณะที่ภาคการศึกษาต้องเร่งปรับการเรียนการสอนให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด รวมถึงส่งเสริมการฝึกงานเพื่อสร้างประสบการณ์ทำงานจริงให้แก่นักศึกษา

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง:

10 ทักษะงานมาแรง รับเทรนด์ AI

ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ฝันไกลแต่ไปไม่ถึง

เสถียรภาพการเมือง ฉุดค่าแรง 400 บาท

นโยบายที่เกี่ยวข้อง

ค่าแรงขั้นต่ำ

รัฐบาลตั้งเป้าหมายจะปรับค่าแรงขั้นต่ำให้เหมาะสมต่อการใช้จ่าย โดยเบื้องต้นตั้งเป้าหมายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทต่อวันให้เร็วที่สุด (จากการเจรจาระหว่าง 3 ฝ่าย ได้แก่ แรงงาน ผู้ว่าจ้าง และรัฐบาล เพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน) และขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะเป็น 600 บาทต่อวัน และเงินเดือนวุฒิปริญญาตรี 25,000 บาท ภายในปี 2570

  • 1
  • 2
  • 3
  • 4
  • 5

ผู้เขียน: