งบลงทุนเพียง 986 บาท กับความหวังใหญ่ของประเทศ คือ คำถามใหญ่ๆ ที่กระทุ้งการให้ความสำคัญต่อการพัฒนาคนของรัฐ
“งบประมาณพัฒนาเด็กปฐมวัยของไทยอยู่ที่เพียง 986 บาทต่อคนต่อภาคเรียน” คือตัวเลขงบประมาณที่ “เสริมฤทธิ์ หวายฤทธิ์ธนกุล” ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ บอกว่า “ต่ำมากเมื่อเทียบกับต้นทุนของการสร้างคนเพื่ออนาคตของประเทศ”
เพราะช่วงปฐมวัยคือช่วงเวลาทองของการพัฒนาเด็ก แต่เรากลับใช้งบประมาณเท่ากับค่ากาแฟรายเดือนของผู้ใหญ่บางคน เพื่อหวังจะปั้นพลเมืองคุณภาพในอนาคต
การพัฒนา “ทุนมนุษย์” ได้ถูกหยิบยกมาพูดคุยในการประชุมวิชาการระดับชาติและนานาชาติ “2025 ONESQA Forum” สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา ( สมศ.) ในประเด็น “คน” เสริมทุนมนุษย์ ยกศักยภาพครูสู่คุณภาพเด็ก ซึ่งพบปัญหาความเหลื่อมล้ำในการจัดการงบประมาณ และความคาดหวังในการสร้างคนเพื่อพัฒนาประเทศ
“ต้นทุนเราต่ำมากกับความคาดหวังในการสร้างคนสู่อนาคตที่ดีของประเทศไทย แต่เราจัดสรรงบรายหัวให้กับเด็กในช่วงวัยที่สำคัญมากต่อพัฒนาการน้อย เพราะค่าอุปกรณ์ และเครื่องมือการสอนเด็กช่วงปฐมวัยแพงมาก” เสริมฤทธิ์ หวายฤทธิ์ธนกุล
สำหรับเงินอุดหนุนรายหัว นักเรียน ปี 2568 แบ่งเป็นค่าจัดการเรียนการสอนเป็นเงินอุดหนุนที่รัฐจัดสรรให้โรงเรียนโดยตรง เพื่อนำไปใช้พัฒนาคุณภาพการศึกษาและจัดการเรียนการสอนให้แก่นักเรียน มีอัตราดังนี้
- ระดับก่อนประถมศึกษา 1,972 บาท/คน/ปี (986 บาท/คน/ภาคเรียน)
- ระดับประถมศึกษา 2,204 บาท/คน/ปี (1,102 บาท/คน/ภาคเรียน)
- ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 4,060 บาท/คน/ปี (2,030 บาท/คน/ภาคเรียน)
- ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 4,408 บาท/คน/ปี (2,204 บาท/คน/ภาคเรียน)
- ระดับ ปวช. 1-3 13,613 บาท/คน/ปี (6,806 บาท/คน/ภาคเรียน)
ค่าอุปกรณ์การเรียนเป็นเงินที่รัฐจัดสรรให้ผู้ปกครองโดยตรง เพื่อนำไปซื้ออุปกรณ์การเรียนที่จำเป็นสำหรับนักเรียน เช่น สมุด ปากกา ดินสอ ยางลบ ไม้บรรทัด และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการเรียน เงินอุดหนุนค่าอุปกรณ์การเรียน 2568 มีอัตราดังนี้
- ระดับก่อนประถมศึกษา 290 บาท/คน/ปี (145 บาท/คน/ภาคเรียน)
- ระดับประถมศึกษา 440 บาท/คน/ปี (220 บาท/คน/ภาคเรียน)
- ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 520 บาท/คน/ปี (260 บาท/คน/ภาคเรียน)
- ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 520 บาท/คน/ปี (260 บาท/คน/ภาคเรียน)
- ระดับ ปวช. 1-3 520 บาท/คน/ปี (260 บาท/คน/ภาคเรียน)
ความเหลื่อมล้ำที่เริ่มตั้งแต่ชั้นอนุบาล
ปัญหาการพัฒนา “ทุนมนุษย์” ของไทย ไม่ได้อยู่แค่ในห้องเรียน แต่อยู่ใน “โครงสร้าง” ที่ไม่ตอบโจทย์ความจริงของพื้นที่โรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลจำนวนมากยังขาดแคลนครู อุปกรณ์ และสวัสดิการพื้นฐาน ครูที่ต้องอยู่ประจำโรงเรียน 24 ชั่วโมง เพื่อดูแลเด็กที่กลับบ้านไม่ได้ กลับได้รับค่าตอบแทนเท่ากับครูในเมืองใหญ่
“มิติเรื่องสวัสดิการครู ควรพิจารณาให้ต่างกันตามบริบทพื้นที่ เพราะภาระและความยากลำบากไม่เหมือนกัน” เสริมฤทธิ์ กล่าว
แม้พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูฯ พ.ศ. 2547 จะเปิดช่องให้ครูในพื้นที่พิเศษได้รับค่าตอบแทนเพิ่ม แต่ผ่านมา 21 ปี กฎหมายนี้ยังแทบไม่ถูกนำมาใช้จริง
ทำสำเร็จเพียงเรื่องเดียว คือ การปรับสวัสดิการ สำหรับตำแหน่งพิเศษ คือ ค่าตอบแทนสำหรับพื้นที่พิเศษที่มีการปฏิบัติการสอนไม่น่าภิรมย์ แต่ก็มีเพียงสถานศึกษาที่ได้รับค่าตอบแทนดังกล่าว ครูที่สอบบนพื้นที่สูง ห่างไกล ยังไม่ได้รับค่าตอบแทนดังกล่าว
“ครู” ในพื้นที่ไกล ยังรอ “เกียรติ” และ “ขวัญกำลังใจ”
ที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการพยายามคืนเวลาให้ครู ด้วยการเพิ่มอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ธุรการกว่า 1,700 ตำแหน่ง เพื่อให้ครูได้โฟกัสการสอนมากขึ้น แต่สิ่งที่ครูยังไม่ได้คืน คือ “เกียรติและศักดิ์ศรี”
รางวัล “วิทยฐานะพลัส” ซึ่งเป็นระบบค่าตอบแทนตามผลงาน ถูกระบุไว้ในกฎหมายมานานกว่า 20 ปี แต่ยังไม่เกิดขึ้นจริงสิ่งที่ยังมาคืนให้ครู คือ การคืนเกียรติ
โดยตลอด 21 ปีที่ผ่านมา ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา 2547 ว่าด้วยเรื่องเงิน วิทยฐานะพลัส ซึ่งหมายถึงรางวัลเชิดชูเกียรติ และจัดค่าตอบแทนตามรางวัลที่เหมาะสม แต่ผ่านมา 21 ปีของการบังคับใช้กฎหมาย ยังไม่ได้ครูได้รางวัล และค่าตอบแทนดังกล่าว
โรงเรียนเล็ก ครูน้อย เด็กเสียโอกาส
อนุกูล ศรีสมบัติ นายกสมาคมผู้บริหารการศึกษาขั้นพื้นฐานแห่งประเทศไทย ชี้ว่า ความเหลื่อมล้ำในระบบการศึกษามีอยู่ทุกระดับ โดยเฉพาะ “โรงเรียนขนาดเล็ก” ที่ถูกตัดตำแหน่งครูเมื่อมีครูเกษียณ เพราะมีนักเรียนต่ำกว่า 120 คน
“โรงเรียนที่มีครูน้อยอยู่แล้วก็ยิ่งน้อยลงไปอีก เป็นความเหลื่อมล้ำเชิงนโยบายที่ควรปรับปรุง”ดร.อนุกูลฯ
เขาเสนอให้มีนโยบายกระจายครูไปพื้นที่ห่างไกล เช่น “โครงการครูรักษ์ถิ่น” ที่เปิดโอกาสให้คนในพื้นที่กลับมาสอนในบ้านเกิดของตัวเอง พร้อมพัฒนาสวัสดิการพื้นฐาน เช่น บ้านพักครู หรือค่าเช่าบ้าน เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ครูอยู่กับชุมชนได้นานขึ้น
งบเท่ากัน ไม่ได้แปลว่า “เท่าเทียม”
“ศรประภา สิริภัทรวิช”ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย ชี้ว่า การกระจายงบประมาณแบบ “เท่ากันทั่วประเทศ” ไม่ใช่ความเท่าเทียม เพราะพื้นที่ห่างไกลมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า ทั้งค่าขนส่งเอกสาร การเดินทาง และค่าอุปกรณ์ที่แพงกว่าในเมือง ครูบางแห่งถึงขั้นต้องควักเงินตัวเองเพื่อให้งานเดินได้ ดังนั้น ความเท่าเทียมที่แท้จริงคือ การให้อย่างเหมาะสม ไม่ใช่ให้เท่ากัน
ประเทศที่ “ลงทุนกับคน” ย่อมโตได้เร็วกว่า
“ทุนมนุษย์” คือหัวใจของการพัฒนาเศรษฐกิจ เพราะมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับ ผลิตภาพแรงงาน (Productivity) และ นวัตกรรม (Innovation)
ประเทศที่ลงทุนกับคนอย่างต่อเนื่อง เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ล้วนหลุดพ้นจาก “กับดักรายได้ปานกลาง” ได้สำเร็จ เพราะมุ่งพัฒนาคุณภาพประชากรตั้งแต่รากฐาน
ในทางตรงข้าม ประเทศไทยยังมีเพียง 40% ของประชากรที่จบการศึกษาระดับมัธยมปลาย ซึ่งสะท้อนว่าการลงทุนด้านทุนมนุษย์ของไทยยัง “ต่ำเกินไปสำหรับความฝันที่ใหญ่เกินตัว”
ถ้าไม่ลงทุนกับคนวันนี้ จะหวังอนาคตจากใคร?
การพัฒนา “ทุนมนุษย์” ไม่ใช่แค่ภารกิจของกระทรวงศึกษาธิการ แต่คือภารกิจของชาติเพราะประเทศจะเติบโตได้อย่างยั่งยืน ต้องเริ่มจาก “คน” ที่มีศักยภาพ การลงทุนในการพัฒนาคนอย่างต่อเนื่อง จึงจะพาไทยออกจากกับดักเดิมและพาประเทศไปสู่อนาคตที่ดีได้
อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง




