เมื่อ 23 มิ.ย. 68 สมศักดิ์ เทพสุทินทร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงนามในประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม(กัญชา) พ.ศ.2568 เป็นการปรับปรุงจากประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2565 ลงวันที่ 11 พ.ย.2565 ที่กำหนดให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุมที่มีค่าต่อการศึกษาหรือวิจัย หรือมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง: ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม(กัญชา) พ.ศ.2568
ประกาศกระทรวงดังกล่าวระบุเหตุผลการแก้ไขว่า “เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน ประกอบกับปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายใดมาใช้ควบคุมเป็นการเฉพาะ เพื่อมิให้ใช้ไปในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ จึงควรมีการควบคุมไม่ให้นำกัญชาเฉพาะส่วนที่เป็นช่อดอกไปใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ของการใช้ประโยชน์จากสมุนไพรดังกล่าว”
ทั้งนี้ ความพยายามจะนำ “กัญชา”กลับมาเป็นยาเสพติด มีมาตั้งแต่สมัย เศรษฐา ทวีสิน อดีคนายกรัฐมนตรี แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากเกิดความขัดแย้งกับพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ที่ผลักดันเรื่องนี้มาตั้งแต่สมัยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลที่แล้ว
แต่ความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย ทำให้พรรคภูมิใจไทยถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งผ่านมาเพียงไม่กี่วันหลังจาก อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประกาศถอนตัว สมศักดิ์ ก็ออกประกาศกระทรวงฉบับใหม่แก้ไขฉบับเดิม นำกัญชากลับมาเป็นยาเสพติดอีกครั้ง
จุดเริ่มนโยบายกัญชาเสรี
รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ “ปลดล็อก” กัญชาออกจากบัญชียาเสพติดเมื่อปี 2565 ทำให้มีการปลูก จำหน่าย และใช้ประโยชน์จากกัญชาได้อย่างถูกกฎหมายภายใต้กฎกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมี อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ท่ามกลางข้อถกเถียงเกี่ยวกับผลกระทบทางสังคมและสุขภาพ
อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้รัฐบาลอ้างเหตุผลต้องการสร้างความสมดุลระหว่างทางการแพทย์และทางเศรษฐกิจ โดยคาดว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งในขณะนี้มีการสนับสนุนให้มีการลงทุน
เหตุผลทางเศรษฐกิจ ข้อดีผลักดันนโยบาย
การ “ปลดล็อก” กัญชาในไทยเมื่อปี 2565 เกิดขึ้นจากหลายปัจจัย ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการแพทย์ โดยมีเหตุผลหลัก ๆ ดังนี้:
เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ กัญชามีสารสำคัญ เช่น THC และ CBD ที่มีสรรพคุณรักษาโรคบางชนิด เช่น ลมชักในเด็ก ภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด และลดอาการปวดเรื้อรัง โดยรัฐบาลต้องการส่งเสริมการใช้กัญชาทางการแพทย์อย่างถูกกฎหมาย แทนการพึ่งพายาแผนปัจจุบันที่มีราคาแพง
กระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้ สร้างโอกาสทางธุรกิจ ทั้งการปลูก แปรรูป และจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชา เช่น น้ำมันกัญชา อาหาร เครื่องดื่ม นอกจากนี้ช่วยเกษตรกรมีรายได้เพิ่มจากการปลูกกัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจ และดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism)
ลดปัญหาอาชญากรรมและตลาดมืด รัฐบาลระบุว่าหากกัญชาถูกกฎหมาย จะช่วยลดการค้ายาเสพติดผิดกฎหมาย และลดการดำเนินคดีกับผู้ใช้ในปริมาณเล็กน้อย และรัฐบาลสามารถควบคุมคุณภาพและเก็บภาษีจากธุรกิจกัญชาได้
แนวโน้มโลกที่ผ่อนคลายกฎหมายกัญชา รัฐบาลอ้างว่ามีหลายประเทศ เช่น แคนาดา สหรัฐอเมริกา (บางรัฐ) โปรตุเกส และอุรุกวัย ปลดล็อกกัญชาจากบัญชียาเสพติดแล้ว ชี้ให้เห็นว่าไม่ได้เป็นอันตรายอย่างที่กังวลกัน นอกจากนี้ จะทำให้ไทยเป็นผู้นำด้านกัญชาทางการแพทย์ในอาเซียนอีกด้วย
เกิดอะไรขึ้นหลังจากปลดล็อก
หลังจากการมี “ปลดล็อก” ปรากฏว่าได้เกิดการร้องเรียนและสร้างปัญหาในหลายชุมชน ซึ่งทำให้เกิดกระแสสังคมต่อต้านนโยบายนี้ ในขณะเดียวกันก็มีผู้สนับสนุนนโยบาย โดยเฉพาะบรรดาผู้ที่ลงทุนทำธุรกิจ
จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม ทำให้มีการเรียกร้องรัฐบาลให้ยกเลิกนโยบายนี้ และหันไปคุมกัญชาตามเดิม เพราะปรากฏว่ามีการใช้กัญชาในทางที่ไม่เหมาะสม จากการเสพเพื่อความบันเทิงมากกว่าการแพทย์ ทำให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงกัญชาได้ง่ายขึ้น
หลังจากออกประกาศกระทรวง “ปลดล็อก” ปรากฏว่าไม่มีกฎหมายออกมาควบคุม มีเพียงกฎกระทรวง ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลพยายามเสนอร่างพระราชบัญญัติกัญชา แต่ยังไม่ผ่านขั้นตอนออกมาเป็นกฎหมาย ทำให้ขาดกฎหมายควบคุมที่ชัดเจนในระยะแรก และสร้างความสับสนให้เกิดขึ้น
กระแสเรียกร้องให้ควบคุมกัญชายังมีอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดรับฟังความคิดเห็น (ร่าง) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องสมุนไพรควบคุม(กัญชา) พ.ศ.2568 ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.-5 มิ.ย. 68 และมีการขยายการรับฟังความคิดเห็นไปจนถึงวันที่ 15 มิ.ย. 68 รวมระยะเวลา 25 วัน โดย 59% เห็นด้วยกับร่างประกาศในการให้กัญชากลับมาอยู่ในบัญชี “ยาเสพติด”
รายละเอียดประกาศกระทรวงฉบับใหม่
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม(กัญชา) พ.ศ.2568 เป็นการปรับปรุงจากประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2565 ลงวันที่ 11 พ.ย.2565 ที่กำหนดให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุมที่มีค่าต่อการศึกษาหรือวิจัย หรือมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบันประกอบกับปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายใดมาใช้ควบคุมเป็นการเฉพาะ เพื่อมิให้ใช้ไปในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ จึงควรมีการควบคุมไม่ให้นำกัญชาเฉพาะส่วนที่เป็นช่อดอกไปใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ของการใช้ประโยชน์จากสมุนไพรดังกล่าว โดยใจความสำคัญ คือ
1. ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
2. ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่อง สมุนไพรควบคุม(กัญชา) พ.ศ.2565 ลงวันที่ 11 พ.ย.2565
3. ให้กัญชา ซึ่งเป็นพืชในสกุล Cannabis วงศ์ Cannabaceae เฉพาะส่วนของช่อดอกเป็นสมุนไพรควบคุม
4. ผู้ใดประสงค์จะศึกษาวิจัย ส่งออก จำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุม เพื่อการค้า จนกระทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 46 และผู้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
- ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ศึกษาวิจัย ส่งออก จำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า ต้องจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่มา การนำไปใช้ และจำนวนที่เก็บไว้ ณ สถานประกอบการ และให้รายงานข้อมูลนั้นต่อนายทะเบียนตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนด
- ผู้รับใบอนุญาตให้ส่งออกสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า ต้องแจ้งรายละเอียดการส่งออกต่อผู้อนุญาตเป็นรายครั้ง ตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนด
- ผู้รับใบอนุญาตให้จำหน่ายหรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้าต้องจำหน่ายสมุนไพรควบคุมให้กับผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา 46 เท่านั้น
- การจำหน่ายและส่งออกสมุนไพรควบคุมของผู้ได้รับใบอนุญาต ต้องมาจากแหล่งที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวที่ดีจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
- ห้ามจำหน่ายสมุนไพรควบคุมเพื่อการสูบในสถานที่ประกอบการ เว้นแต่การจำหน่ายโดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ และหมอพื้นบ้านตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีนตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ และผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพทันตกรรม ที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยของตน
- ห้ามจำหน่ายสมุนไพรควบคุม หรือสินค้าที่แปรรูปจากสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้าผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์
- ห้ามโฆษณาสมุนไพรควบคุมทุกช่องทางเพื่อการค้า
- ห้ามจำหน่ายสมุนไพรควบคุม หรือสินค้าที่แปรรูปจากสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า ในสถานที่ดังต่อไปนี้
- วัดหรือสถานที่สำหรับปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา
- หอพักตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก
- สวนสาธารณะ สวนสัตว์ และสวนสนุก
การจำหน่ายสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้าตามวรรคหนึ่ง (3) ไม่รวมถึงกรณีการจำหน่ายสมุนไพรควบคุมให้กับบุคคลใด ๆ ที่มีใบสั่งจ่ายโดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ และหมอพื้นบ้านตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีนตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ ผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเภสัชกรรม และผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพทันตกรรม ที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยของตน
การสั่งจ่ายตามวรรคสอง ให้กำหนดจำนวนหรือปริมาณการใช้ตามความจำเป็นเพื่อการรักษาตัวเป็นการเฉพาะที่ใช้ได้ไม่เกินสามสิบวัน
5. ให้ผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา 46 อยู่ก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ เฉพาะในส่วนที่เป็นสมุนไพรควบคุมตามประกาศฉบับนี้ ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในข้อ 3 ของประกาศฉบับนี้ด้วย และต้องมีแบบรายงานแบบการแจ้งรายละเอียกการส่งออกสมุนไพรควบคุมรายครั้งแบะแบบใบสั่งจ่ายให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนด
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม:
มองรอบด้าน ‘กัญชา’ กลับเป็นยาเสพติด