ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบต่อ (ร่าง) แผนพัฒนาสุขภาพจิตแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2561 – 2580) ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 – 2570) [ร่างแผนพัฒนาสุขภาพจิตฯ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 – 2570)] รวมทั้งเห็นชอบและมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนพัฒนาสุขภาพจิตฯ ดังกล่าว ไปดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง ตามที่คณะกรรมการสุขภาพจิตแห่งชาติ เสนอ
ที่มาของแผนพัฒนาสุขภาพจิตฯ ระยะ 2
แผนสุขภาพจิตแห่งชาติ (พ.ศ. 2561 – 2580) เป็นแผนระยะยาว 20 ปี จึงมีความจำเป็นต้องทบทวนเป็นระยะทุก 5 ปี เพื่อปรับปรุงการดำเนินงานให้สอดรับกับสถานการณ์ด้านสุขภาพจิตที่เปลี่ยนแปลงไป โดยที่ผ่านมากรมสุขภาพจิตได้จัดทำแผนพัฒนาสุขภาพจิตแห่งชาติฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2561 – 2580) ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2561 – 2565) แต่ปัจจุบันสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินงานแล้ว กรมสุขภาพจิตจึงได้จัดทำ (ร่าง) แผนพัฒนาสุขภาพจิตฯ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 – 2570) มาเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้
มีอะไรเพิ่ม
สำหรับร่างแผนพัฒนาสุขภาพจิตฯ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 -2570) มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาและขับเคลื่อนงานสุขภาพจิตและจิตเวชให้มีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ เช่นเดียวกับแผนพัฒนาสุขภาพจิตฯ ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2561 – 2565) ได้แก่
ยุทธศาสตร์ที่ 1 ส่งเสริมและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตตลอดช่วงชีวิต
- เป้าประสงค์ที่ 1 คนทุกช่วงวัยเข้าใจและใส่ใจสุขภาพจิตของคนเอง ครอบครัว และชุมชนผ่าน ความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายประกอบด้วย 4 กลยุทธ์ เช่น เสริมสร้างความรอบรู้ทางด้านสุขภาพจิต (Mental Health Literacy) ในแต่ละช่วงชีวิต รวมถึงความรอบรู้สำคัญที่เกี่ยวข้อง
- เป้าประสงค์ที่ 2 หน่วยงานภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมบูรณาการเพื่อใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการส่งเสริมและป้องกันปัญหาสุขภาพจิต ประกอบด้วย 2 กลยุทธ์ เช่น พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อส่งเสริมและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่าย
ยุทธศาสตร์ที่ 2 พัฒนาระบบบริการสุขภาพจิตและจิตเวช
- เป้าประสงค์ที่ 1 ผู้ป่วยจิตเวชและผู้มีปัญหาสุขภาพจิต รวมทั้งครอบครัว เข้าถึงระบบบริการสุขภาพจิตและจิตเวชที่มีคุณภาพได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลประกอบด้วย 2 กลยุทธ์ เช่น พัฒนาระบบบริการสุขภาพจิตและจิตเวชบนฐานของระบบเทคโนโลยีดิจิทัล
- เป้าประสงค์ที่ 2 ผู้ป่วยจิตเวชและผู้มีปัญหาสุขภาพจิตรวมทั้งครอบครัวได้รับการดูแลอย่างยั่งยืน และสามารถอยู่ในชุมชนได้อย่างปกติสุข ประกอบด้วย 1 กลยุทธ์ ได้แก่ ยกระดับมาตรฐานระบบบริการสุขภาพจิตและจิตเวช
ยุทธศาสตร์ที่ 3 ขับเคลื่อนและผลักดันมาตรการทางกฎหมาย สังคม และสวัสดิการ
- เป้าประสงค์ที่ 1 คนทุกช่วงวัยได้รับการคุ้มครองสิทธิ ส่งเสริมสุขภาพจิต ป้องกันปัญหาสุขภาพจิต ได้รับการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพอย่างถูกต้องเหมาะสม ประกอบด้วย 2 กลยุทธ์ เช่น ผลักดันสวัสดิการระดับชุมชนและสังคมเพื่อสนับสนุนการเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านสุขภาพจิต
ยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนาวิชาการและกลไกการดำเนินงานด้านสุขภาพจิต แต่มีการปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานในบางประเด็น เช่น ปรับกลุ่มเป้าหมายจาก คนไทย เป็น คนทุกช่วงวัย เพื่อให้ครอบคลุมประชากรทุกคนที่อยู่ในประเทศไทย และปรับเพิ่มกลยุทธ์ในแต่ละยุทธศาสตร์ (เดิมในแผนระยะที่ 1 ไม่ได้มีการกำหนดกลยุทธ์) เพื่อให้มีแนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
- เป้าประสงค์ที่ 1 หน่วยบริการด้านสุขภาพจิต มีการบริหารจัดการองค์กรอย่างยังยืนและสอดคล้องตามหลักธรรมาภิบาลประกอบด้วย 2 กลยุทธ์ เช่น พัฒนาศักยภาพและสมรรถนะของบุคลากรด้านสุขภาพจิตให้มีความเชี่ยวชาญ
- เป้าประสงค์ที่ 2 หน่วยบริการด้านสุขภาพจิต มีการพัฒนานวัตกรรมและใช้นวัตกรรมและองค์ความรู้ทางวิชาการในการขับเคลื่อนงานด้านสุขภาพจิต โดยอาศัยหลักฐานประจักษ์ ประกอบด้วย 1 กลยุทธ์ ได้แก่ พัฒนาด้านวิชาการ นวัตกรรม งานวิจัยที่ตอบโจทย์กับความเปลี่ยนแปลงและการดำเนินงานสุขภาพจิต
ทั้งนี้ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช) ในคราวประชุมครั้งที่ 10/2566 เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 66 และคณะกรรมการสุขภาพจิตแห่งชาติในคราวประชุมครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 67 ได้มีมติเห็นชอบร่างแผนพัฒนาสุขภาพจิตฯ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 – 2570) ด้วยแล้ว

ที่มา: มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 24 มิ.ย. 68
แผนสุขภาพจิตแห่งชาติคืออะไร
แผนพัฒนาสุขภาพจิตแห่งชาติฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2561 – 2580) เป็นแผนกำหนดทิศทางการดำเนินงานด้านสุขภาพจิตของประเทศไทย ตอบสนองต่อเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านความมั่นคงที่ขับเคลื่อนด้วยการสร้างการมีส่วนร่วม เพื่อให้หลุดพ้นจากกับดักความเหลื่อมล้ำในสังคม
พันธกิจของแผนพัฒนาสุขภาพจิตแห่งชาติ จะต้องพัฒนาและขับเคลื่อนงานสุขภาพจิตและจิตเวชให้มีประสิทธิภาพ ลดปัจจัยเสี่ยง เพิ่มปัจจัยคุ้มครองด้านสุขภาพจิต ส่งเสริมให้ประชาชนมีความตระหนักและความเข้าใจต่อปัญหาสุขภาพจิต รวมทั้งสร้างความเข้มแข็งของภาคีเครือข่าย ในการลดอคติต่อผู้มีปัญหาสุขภาพจิต
เป้าหมายในภายในปี 80 จะต้องทำให้เด็กมีความฉลาดทางสติปัญญา (IQ) มากกว่า 105, เด็กมีความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) อยู่ในเกณฑ์ปกติ มากกว่าร้อย 85, ครอบครัวมีความเข้มแข็งและความอบอุ่น ร้อยละ 95, ประเทศไทยมีคะแนนความสุข (World HappinessIndex) เพิ่มขึ้นจากปี 60 มากกว่าหรือเท่ากับ 0.4, อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จ ไม่เกิน 5.1 ต่อประชากรแสนคน และร้อยละของอำเภอที่บูรณาการการดำเนินงานสุขภาพจิตตามมาตรฐานแล้วประชาชนมีความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดี ที่ 65% อย่างไรก็ตามตัวเลขดังกล่าวอาจมีการปรับเปลี่ยนตามแผนพัฒนาฯในแต่ละช่วงระยะ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันมากขึ้น
โดยแผนพัฒนาสุขภาพจิตฯ จะมีการทำงานผ่าน 4 ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่
ยุทธศาสตร์ที่ 1 ส่งเสริมและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตตลอดช่วงชีวิต
ไทยได้รับการส่งเสริมสุขภาพจิตและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตครอบคลุมทุกกลุ่มวัย ตั้งแต่ในครรภ์และต่อเนื่องไปตลอดช่วงชีวิต เน้นการสร้างเสริมพัฒนาการทางความคิด อารมณ์และพฤติกรรม และทักษะทางสังคมในเด็ก ตลอดจนพัฒนาสถาบันครอบครัวให้มีศักยภาพในการเลี้ยงดูเพื่อให้เด็กมีสติปัญญา และมีความฉลาดทางอารมณ์อยู่ในเกณฑ์ปกติขึ้นไป นำไปสู่การที่คนไทยมีสุขภาพจิตดี มีความสุข โดยการพัฒนานวัตกรรมองค์ความรู้ งานวิจัยที่มีมาตรฐานและสามารถน าไปใช้ในการพัฒนางานส่งเสริมสุขภาพจิต และป้องกันปัญหาสุขภาพจิตที่เหมาะสมกับบริบทของสังคมไทย ผ่านการขับเคลื่อนการด าเนินงานส่งเสริมสุขภาพจิตและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตคนไทยทุกกลุ่มวัยร่วมกับภาคีเครือข่าย ตลอดจนเสริมสร้างให้คนไทยมีความรอบรู้ด้านสุขภาพจิต(Mental Health Literacy) และมีทัศนคติที่ดีต่อผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวช ผลักดันให้สังคมยอมรับ/ให้โอกาสผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวช ได้เข้ามามีส่วนร่วมในวิถีชีวิต การท างานและกิจกรรมต่าง ๆ ตามศักยภาพ
ยุทธศาสตร์ที่ 2 พัฒนาระบบบริการสุขภาพจิตและจิตเวช
พัฒนาคุณภาพมาตรฐานระบบบริการสุขภาพจิตและจิตเวชทุกระดับอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างสรรค์ตลอดจนบูรณาการงานสุขภาพจิตเข้ากับระบบสุขภาพ เพื่อให้ผู้ป่วยจิตเวชและผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวชสามารถเข้าถึงบริการตั้งแต่เริ่มป่วย จนหายทุเลา สามารถอยู่ในชุมชนได้อย่างปกติสุข ภายใต้การดูแลและสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับผู้ป่วยจิตเวช ด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมทั้งระดับครอบครัว ชุมชน และสถาบัน ในสังคมทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน
ยุทธศาสตร์ที่ 3 ขับเคลื่อนและผลักดันมาตรการทางกฎหมาย สังคม และสวัสดิการ
ผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวช รวมทั้งผู้ป่วยจิตเวช ได้รับการคุ้มครองสิทธิ การส่งเสริมสุขภาพจิตป้องกันปัญหาสุขภาพจิต และได้รับการบำบัดรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสม ตั้งแต่การคัดกรอง นำส่ง ดูแล บำบัดรักษา ฟื้นฟูสมรรถภาพ จนกระทั่งจำหน่าย และติดตามอย่างต่อเนื่องให้ผู้ป่วยจิตเวชมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นตามบทบัญญัติของกฎหมายสุขภาพจิต เพื่อลดความผิดปกติ ความรุนแรงที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของตนเองและบุคคลอื่น ๆ ในสังคม
ยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนาวิชาการและกลไกการดำเนินงานด้านสุขภาพจิต
ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการระบบสุขภาพจิตตามหลักธรรมาภิบาลที่เน้นการดำเนินงานอย่างมีคุณธรรมและโปร่งใสทั่วทั้งระบบ พัฒนาการดำเนินงานด้านสุขภาพจิตด้วยระบบข้อมูลสารสนเทศ ระบบบริหาร ทรัพยากรบุคคล ระบบการเงิน การคลังและระบบประกันสุขภาพเพื่อลดความเหลื่อมล้ำของผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวช โดยผลักดันให้เกิดการมีส่วนร่วมในระดับนโยบายไปสู่การปฏิบัติ
อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
- พฤติกรรมยุคดิจิทัลทำสุขภาพจิตแย่ แก้ที่เราหรือใคร?
- ชำแหละ ร่าง พ.ร.บ. สุขภาพจิต ฉบับใหม่
- เช็กสุขภาวะทางดิจิทัล 2567 แต่ละ Gen เป็นอย่างไร ?