ประเทศไทยเผชิญการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรครั้งใหญ่ คนเกิดน้อยกว่าเสียชีวิตต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 64 โดยข้อมูลเด็กไทยที่เกิดใหม่ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 68 พบมีจำนวนอยู่ที่ 309,644 คน สัดส่วนลดลง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY) ส่งผลในสิ้นปีนี้มีความเสี่ยงที่ไทยจะมีจำนวนประชากรลดลงต่ำกว่า 66 ล้านคนเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน (ปี 67 มี 65.9 ล้านคน) และจำนวนคนน้อยกว่าเสียชีวิตเป็นปีที่ 5 ติตด่อกัน

จำนวนประชากรไทยในรอบ 10 ปี
หากพิจารณารายละเอียดในแต่ละพื้นที่ จังหวัดที่สถานการณ์คนเกิดน้อยกว่าเสียชีวิตมากที่สุด 3 จังหวัดแรก (9เดือน ปี 68) ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา คนเกิด 10,219 ราย คนเสียชีวิต 16,636 ราย จังหวัดขอนแก่น คนเกิด 7,080 ราย คนเสียชีวิต คนเสียชีวิต 8,313 ราย และจังหวัดร้อยเอ็ด คนเกิด 3,841 ราย คนเสียชีวิต 8,313 ราย
ประชากรไทยลดกดดันเศรษฐกิจ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในระยะข้างหน้าปัญหาวิกฤตโครงสร้างประชากรไทยที่ลดลงดังกล่าว จะมาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยกดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจไทย จากความเสี่ยงใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่ ปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่จะลดลงเหลือ 52% ของประชากรทั้งหมดภายในปี 93 แนวโน้มการบริโภคที่ลดลงจากจำนวนวัยแรงงานที่มีรายได้สุทธิน้อยลง ขณะที่ผู้สูงอายุมีมากขึ้นแต่กำลังซื้อน้อย
รวมถึงภาระทางการคลังที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 7% (ปี 58-68) จาก 1. งบสวัสดิการด้านรายได้ ได้แก่ เงินสมทบกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) บำเหน็จ/บำนาญ กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) และเบี้ยผู้สูงอายุ 2. งบสวัสดิการสุขภาพ ได้แก่ ค่ารักษาพยาบาลข้าราชการ และประกันสังคม
ทั้งนี้ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรไทยดังกล่าว ยังมีประเด็นที่ต้องติดตาม ได้แก่ 1. แนวทางการเพิ่มผลิตภาพแรงงานในระยะยาว 2. ข้อเสนอขยายอายุเกษียณ ซึ่งมีรายละเอียดที่ต้องพิจารณา เช่น อายุเกษียณที่เหมาะสม กรอบเวลาดำเนินการ รวมถึงความพร้อมของภาคธุรกิจ

คาดคนไทยเกิดลดลงและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นปีที่ 5
นโยบายพัฒนาแรงงาน-ขยายเกษียณอายุ
ในคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ของ อนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี มีเรื่องการพัฒนาแรงงาน ในรูปแบบการสร้างรายได้และความสามารถในการแข่งขันแก่ผู้ค้ารายย่อยผู้ประกอบการ เกษตรกรและชุมชนในท้องถิ่นให้มั่นคงแข็งแรงขึ้นผ่านกลไกความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และท้องถิ่น
มุ่งเน้นส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) และการเพิ่มทักษะ (Upskill) เพื่อเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) และสร้างโอกาสให้คนไทยมีรายได้มากขึ้น และสร้างโอกาสให้คนไทยมีรายได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามนโยบายนี้ยังคงไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนว่าจะดำเนินการในรูปแบบอะไรและลักษณะไหน รวมถึงกรอบเวลาที่จะเริ่มทำ ภายใต้ข้อจำกัดที่รัฐบาลจะต้องยุบสภาฯ ในเวลา 4 เดือน
ขณะที่เรื่องการขยายอายุเกษียณนั้น แม้ไม่ได้ถูกบรรจุในนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบัน แต่ก็มีกระแสผลักดันจากนายกรัฐมนตรี ที่สั่งการให้ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลด้านกฎหมาย ไปหารือและแนวทางความเป็นไปได้เรื่องการเกษียณอายุราชการ
แม้ อนุทิน จะชี้แจงว่าเป็นเพียงแนวความคิดและต้องหารือกับหลายฝ่าย แต่เนื่องจากสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ก็ควรต้องปรับ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการว่างงานมากขึ้น พร้อมยกตัวอย่างวงการศาลและอัยการก็มีการเกษียนอายุราชการที่ 65 – 70 ปีแล้ว ขณะเดียวกันหากเกษียณอายุ 60 ปี รัฐต้องมีภาระจ่ายค่ารักษาพยาบาลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะพยายามจัดสรรปรับปรุงงบประมาณให้สอดคล้องกัน
บทความที่เกี่ยวข้อง:



