ThaiPBS Logo

ทุ่มงบ 3.8 แสนล้าน ใน 10 ปี เพิ่มบุคลากรสาธารณสุขกว่า 2 แสน

8 ส.ค. 256713:06 น.
ทุ่มงบ 3.8 แสนล้าน ใน 10 ปี เพิ่มบุคลากรสาธารณสุขกว่า  2 แสน

เปิดแผนสาธารณสุข 10 ปี ทุ่มงบ 3.8 แสนล้านบาท เพิ่มกำลังคมกว่า 2 แสน รองรับบริการทางการแพทย์ หลังประเทศมีระบบหลักประกันสุขภาพที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จากนโยบายบัตรทอง 30 บาทฯ แต่ยังคงประสบกับปัญหาบุคคลากรไม่เพียงพอ งานล้นมือ และนับวันจำนวนผู้ป่วยก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไทย

เป้าหมายของ “ยุทธศาสตร์ปฏิรูปกำลังคนสาธารณสุข” มี 3 ประเด็นหลัก คือ 1.คนไทยมีสุขภาวะที่ดีขึ้น ลดอัตราการตายในโรคที่สำคัญ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง อุบัติเหตุฉุกเฉิน 2.เพิ่มการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ ผลิตบุคลากรให้เพียงพอ กระจายตัวอย่างเหมาะสม และ 3.การรองรับสู่ Medical and Wellness Hub

Thai PBS Policy Watch ชวนลงรายละเอียดสำคัญของแผนยุทธศาสตร์ปฏิรูปกำลังคน และภารกิจด้านบริการสาธารณสุข ฉบับนี้ ซึ่งผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา

กำลังคนไม่พอในสาธารณสุขไทย 

หากย้อนดูประเด็นปัญหากำลังคนในระบบสาธารณสุข ที่ผ่านมา Thai PBS Policy Watch พบว่ามีหลายมิติ ส่งผลกระทบต่อคุณภาพการให้บริการและความยั่งยืนของระบบสุขภาพโดยขอสรุปสั้นๆ 6 ประเด็นดังนี้

  1. การขาดแคลนบุคลากร: จำนวนบุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลและชนบท ทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพได้ยาก
  2. การกระจายตัวไม่สม่ำเสมอ: บุคลากรทางการแพทย์มักจะกระจุกตัวในเมืองใหญ่และพื้นที่ที่มีความเจริญ ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงบริการสุขภาพ
  3. ความเหนื่อยล้าจากการทำงาน: บุคลากรทางการแพทย์มักต้องทำงานในสภาวะที่มีภาระงานหนัก ไม่มีวันหยุดพักผ่อนเพียงพอ ส่งผลให้เกิดความเครียดและประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
  4. การรักษาความรู้และทักษะ: การพัฒนาความรู้และทักษะของบุคลากรทางการแพทย์ต้องการการฝึกอบรมและการเรียนรู้ตลอดชีวิต แต่บางครั้งการเข้าถึงการฝึกอบรมเหล่านี้ยังไม่ทั่วถึง
  5. ปัญหาความไม่สมดุลระหว่างการผลิตและการใช้บุคลากร: ระบบการศึกษาทางการแพทย์ไม่สามารถผลิตบุคลากรได้ตรงกับความต้องการที่แท้จริงของตลาดแรงงาน
  6. อัตราการลาออกสูง: บุคลากรทางการแพทย์บางส่วนลาออกจากระบบสุขภาพเพื่อไปทำงานในภาคเอกชนหรือไปทำงานต่างประเทศ เนื่องจากมีข้อเสนองานที่ดีกว่า

แนวทางการแก้ไขปัญหาขาดแคลนบุคลากรด้านสาธารณสุข นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ต้องมีการปฏิรูปเชิงนโยบายทั้งในระยะกลาง และระยะยาว กระทรวงสาธารณสุขได้บูรณาการความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม คณะแพทยศาสตร์ต่าง ๆ กระทรวงกลาโหม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ก.พ. สภาวิชาชีพ เป็นต้น

โดยยุทธศาสตร์การปฏิรูปกำลังคนฯ มี 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่

  1. เร่งพัฒนากำลังคนให้เพียงพอต่อการให้บริการด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะโรคสำคัญ ครอบคลุมทั้งการผลิต พัฒนา ส่งเสริม และกำกับดูแล
  2. การพัฒนาระบบริการสาธารณสุขเชิงพื้นที่เป็นหนึ่งเดียว จัดระบบความร่วมมือภาครัฐเอกชนในพื้นที่
  3. การสนับสนุนส่งเสริมบริการสุขภาพที่มีศักยภาพการแข่งขันที่สำคัญทางเศรษฐกิจ
  4. การสร้างเสริมระบบกลไกการอภิบาลกำลังคนด้านสุขภาพให้เข้มแข็ง

แผนผลิตบุคลากรทางการแพทย์ 9 วิชาชีพใน 10 ปี

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่ได้ลงพื้นที่รับฟังเสียงสะท้อนด้วยตัวเองหลายจังหวัด ทราบถึงปัญหาบุคลากรทางการแพทย์ขาดแคลน ต้องทำงานหนัก ทำงานได้เงินไม่พอค่าใช้จ่าย จึงเห็นชอบยุทธศาสตร์ฯ ตามที่ กระทรวงสาธารณสุขเสนอ แผน 10 ปีเพื่อเร่งผลิตและพัฒนากำลังคนให้เพียงพอต่อการดูแลด้านสาธารณสุข ทั้งหลักสูตรพยาบาล การเพิ่มผู้ช่วยพยาบาล การเพิ่มค่าตอบแทน โดยจะเป็นการเพิ่มตำแหน่งข้าราชการในอัตราที่เหมาะสม

ในระยะเวลา 10 ปี การปฏิรูปกำลังคนและภารกิจด้านบริการสาธารณสุขของกระทรวงสาธารณสุขจะใช้งบประมาณรวมทั้งสิ้นประมาณ 3.8 แสนล้านบาท ผลิตกำลังคนสาธารณสุขเพิ่ม 10 ปีใน 9 วิชาชีพ ประกอบด้วย

  • แพทย์ อัตราส่วนบุคลากรต่อประชากร ปัจจุบัน 1:922 ตั้งเป้าหมาย 1:650 ผลิตเพิ่ม  33,074 คน
  • ทันตแพทย์ อัตราส่วนบุคลากรต่อประชากร ปัจจุบัน 1:3,650 ตั้งเป้าหมาย  1:3,000 ผลิตเพิ่ม  4,106 คน
  • เภสัชกร อัตราส่วนบุคลากรต่อประชากร ปัจจุบัน 1:2,735  ตั้งเป้าหมาย 1:1,966 ผลิตเพิ่ม  9,800 คน
  • พยาบาล  อัตราส่วนบุคลากรต่อประชากร ปัจจุบัน 1:316  ตั้งเป้าหมาย 1:200  ผลิตเพิ่ม  124,558 คน
  • นักกายภาพบำบัด อัตราส่วนบุคลากรต่อประชากร ปัจจุบัน 1:4,792 ตั้งเป้าหมาย  1:2,000  ผลิตเพิ่ม  19,590 คน
  • แพทย์แผนไทย อัตราส่วนบุคลากรต่อประชากร ปัจจุบัน 1: 11,339 ตั้งเป้าหมาย  1:2,782  ผลิตเพิ่ม  18,169 คน
  • นักรังสีเทคนิค อัตราส่วนบุคลากรต่อประชากร ปัจจุบัน 1:9,954 ตั้งเป้าหมาย  1:5,000  ผลิตเพิ่ม   7,364 คน
  • นักสาธารณสุข  อัตราส่วนบุคลากรต่อประชากร ปัจจุบัน 1:2,220 ตั้งเป้าหมาย 1:1,000  ผลิตเพิ่ม  36,993 คน
  • นักเทคนิคการแพทย์ อัตราส่วนบุคลากรต่อประชากร ปัจจุบัน 1:4,793 ตั้งเป้าหมาย  1:2,804 ผลิตเพิ่ม 10,000 คน

หากเฉลี่ยเป็นรายปี ก็หมายความว่าจะต้อง ผลิตแพทย์ 4,000 คนต่อปี, ผลิตพยาบาล 15,000 คนต่อปี, ผลิตกายภาพบำบัด 2,000 คนต่อปี, ผลิตแพทย์แผนไทย 1,500 คนต่อปี เป็นต้น

ขณะที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า เพื่อความยืดหยุ่นในการบริหารงานบุคคลากรด้านสาธารณสุข จึงได้จัดทำร่างพ.ร.บ.ข้าราชการ สธ.ออกจากก.พ. เพื่อให้เกิดความเป็นอิสระและความคล่องตัวมารองรับ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นอีกกลไกหนึ่งในการแก้ปัญหาขาดแคลนบุคลากรไปพร้อมกัน

ไทยตั้งเป้า “ศูนย์การดูแลสุขภาพของโลก”

นอกจากการผลิตบุคคลากรเพิ่มแล้ว นายกรัฐมนตรี ระบุอีกว่า ยุทธศาสตร์กำลังคนสาธารณสุขฯ จะต้องสนับสนุนการก้าวไปสู่ Medical and Wellness Hub ซึ่งเป็นหนึ่งใน 8 เรื่องหลักของวิสัยทัศน์ Ignite Thailand ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าที่จะผลักดันให้เป็นประเทศไทยเป็นศูนย์การดูแลสุขภาพของโลก ควบคู่กับการยกระดับการให้บริการสาธารณสุขผ่านนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่

กรณีจังหวัดเชียงใหม่ ติดอันดับ Top 3 ของเมืองที่มีการให้บริการด้านสุขภาพที่ดีที่สุดในโลก ซึ่ง Numbeo จัดอันดับผลสำรวจความเห็นประชาชนกว่า 45,000 คนจาก 4,302 เมืองทั่วโลก เรื่องการรักษาพยาบาล มีทั้งคำถามที่เกี่ยวกับทักษะและความสามารถ และการให้บริการของของบุคลากรการแพทย์ ความสะดวกรวดเร็วในการได้รับการรักษา ความทันสมัยของเครื่องไม้เครื่องมือ

สำหรับเป้าหมายการเป็น ศูนย์การดูแลสุขภาพของโลก จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเพิ่มมูลค่าเพิ่มของสินค้าและบริการสุขภาพต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี จาก 1.33% หรือ 2.3 แสนล้านบาท ในปี 2565 เป็น 1.7% หรือ 3.8 แสนล้านบาท ในปี 2570 ซึ่งคาดการณ์ว่ามี 9 สาขาวิชาชีพที่สามารถเพิ่มมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้  ได้แก่

  • เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ
  • การป้องกันและดูแลเส้นเลือดหัวใจ
  • การรักษากระดูกข้อเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ
  • ทันตกรรม
  • การรักษาผู้มีบุตรยาก
  • การรักษาโรคมะเร็ง
  • การปลูกถ่ายอวัยวะ
  • การผ่าตัดหัวใจและการผ่าตัดทำบอลลูน
  • ศัลยกรรมตกแต่งและการแปลงเพศ

ทว่าการเป็น “ศูนย์การดูแลสุขภาพของโลก” ยังมีข้อกังวลว่า จะดึงบุคลากรสาธารณสุขซึ่งมีจำนวนจำกัดอยู่แล้วออกจากระบบ ไปอยู่กับเอกชนหรือไม่ จนอาจนำไปสู่ความเหลื่อล้ำในระบบสุขภาพ

เรื่องนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข​ ยืนยันกับ Thai PBS Policy Watch ว่าจะไม่เกิดปัญหาดังกล่าว โดยการส่งเสริม  Medical and Wellness Hub ไม่ใช่การเอาข้าราชการไปทำ แต่คือการส่งเสริม ออกกฎระเบียบ อำนวยความสะดวกออกใบอนุญาติ ส่งเสริมการลงทุน

อะไรที่ใช้คนของราชการ เราไม่ทำ แต่จะเราเปิดโอกาสให้เขาลงทุนกันได้ คือการออกระเบียบกฎเกณฑ์ ไม่ดึงคนออกจากภาครัฐ ไม่ต้องกลัว เอาเท่านี้แหละ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

 

นโยบายที่เกี่ยวข้อง

ระบบหลักประกันสุขภาพ

ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ "30 บาทรักษาทุกโรค" ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ต่อมาเรียกว่า "บัตรทอง" ซึ่งดำเนินการมาครบรอบ 20 ปีเมื่อปี 2566 และกำลังก้าวสู่ปีที่ 23 ในปี 2568 แต่ปัญหายังต้องแก้ไขกันต่อไป โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณและการบริหารจัดการ แม้ว่าเป็นหนึ่งในนโยบายที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด

  • 1
  • 2
  • 3
  • 4
  • 5

ผู้เขียน: