ผู้ที่ได้อ่านและดูละคร คงเข้าใจบริบทของการดูแลประคับประคองมากขึ้น การุณยฆาตเหมือนหรือต่างจาก การดูแลประคับประคองอย่างไร?
ผู้สนใจการุณยฆาต และผู้ที่อยากได้ palliative care คือการดูแลประคับประคองนั้น เหมือนกันอยู่ประการหนึ่งคือ ตายไม่กลัว กลัวทรมาน สองเรื่องนี้จึงมักถูกพูดด้วยกันบ่อย ๆ โดยมากมักบ่น ว่าประเทศไทย ยังไม่เจริญพอที่จะให้ทำการุณยฆาต แต่บทความนี้จะชี้ให้เห็นว่า การุณยฆาต นั้นยังไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นต้องมีในสังคมไทยหรอก
การุณยฆาตนั้น คือ ฆาตกรรมแบบหนึ่ง คือทำให้คนใกล้ตายแล้ว ตายไวขึ้น คนที่อยากให้ตายไว ๆ นั้น มักเป็นเพราะเขากำลังทนทรมานอยู่ หรือเชื่อว่า ถ้าใกล้ตายจะต้องทรมานก่อนตาย แน่ ๆ เลย จึงขอชิงตายก่อนที่จะพบกับความทรมานนั้น เช่น เชื่อว่าเป็นมะเร็งคงจะต้องเจ็บปวดก่อนตาย เพราะว่าเคยเห็นคนใกล้ชิด หรือคนรู้จัก ต้องทนทรมานก่อนตายในอดีต
หมอพาลิ เป็นหมอที่เลือกให้การดูแลคนไข้ที่ใกล้ตาย แต่หมอพาลินั้น ไม่เห็นด้วยกับการเร่งให้ตายไวขึ้น เพราะว่า หมอพาลิเป็นผู้เชี่ยวชาญในการบำบัดความปวด และอาการที่น่าทรมาน ทำให้ผู้ป่วยอยู่กับโรคร้ายอย่างสันติ และใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ได้ ส่วนใหญ่จะไม่มีความปวดทรมานเลยและจากไปอย่างสงบ ดังนั้น ผู้ป่วยจึงไม่ต้องรีบตาย เพราะความทรมานที่กลัวว่าจะเจอนั้น จะไม่เกิดขึ้น
ความทรมานตอนใกล้ตาย ส่วนใหญ่นั้น อันที่จริงเกิดขึ้น เพราะความพยายามในการแทรกแซงธรรมชาติ มากกว่าจะเกิดขึ้นจากตัวโรคที่ทำให้ตาย เช่น การส่งไปโรงพยาบาล เจาะเลือด ให้น้ำเกลือ ใส่สายอาหาร ใส่ท่อต่าง ๆ ล้วนเป็นเรื่องที่ต้องเจ็บตัวหรือน่ารำคาญสำหรับผู้ป่วย หากผู้ป่วยต่อต้าน หรือสติไม่สมบูรณ์แล้ว ก็มักถูกมัดมือมัดขาไว้ ไม่ให้ดึงสายน้ำเกลือ หรือดึงสายอาหารออก ไม่ให้พยายามปีนเตียงหนีไป เป็นต้น เมื่อถูกจำกัดอิสรภาพ ก็ย่อมร้องเป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก ก็ทั้งหมดนี้เกิดจากความพยายามในการ “ช่วย” ด้วยความหวังดีของคนรอบตัว และของแพทย์พยาบาล โดยที่ไม่ได้ถามความสมัครของผู้ป่วยนั่นเอง
ความทรมานอีกอย่างหนึ่งก็เกิดจากความเชื่อของคนรอบตัว เช่นว่า ไม่ให้กินอาหารที่ผู้ป่วยชอบกิน ด้วยเชื่อว่าไม่ดีต่อสุขภาพ โดยมิได้ตระหนักว่า ก็เขาจะตายอยู่แล้ว กินก็ตาย ไม่กินก็ตาย เป็นต้น เมื่อคนชอบกินไม่ได้กิน ถึงจะอยู่นานขึ้น ก็ต้องอยู่อย่างอดอยากนานขึ้น แล้วก็ตาย จึงน่าเวทนายิ่งนัก คนที่ชอบทำงาน ชอบทำให้คนอื่น เมื่อป่วยก็ถูกห้ามทำงาน ถูกบังคับเล่นบทเป็นคนป่วย ที่ไร้คุณค่า ต้องพึ่งพาเป็นภาระแก่คนอื่นเขา ย่อมต้องอยู่ในสภาพจิตที่น่าเศร้าจนตาย
ถ้าคนรอบตัว ตระหนักว่า ที่แท้แล้วความทรมานของผู้ป่วยนั้นเกิดจากความหวังดีของคนรอบตัวนั่นแหละ ก็เปลี่ยนวิธีปฏิบัติ จงให้อิสระแก่ผู้ป่วยแทน ให้เขาเป็นคนเลือกวิธีดำเนินชีวิต แม้ไม่ถูกใจคนรอบตัว และจะตายเร็วสักหน่อยแต่มีความสุขทุกวัน นั่นจึงเป็นชีวิตที่สั้น ๆ แต่น่าอยู่ ถ้าคนรอบตัวคิดไม่ได้เอง หมอพาลิก็จะช่วยคุยเพื่อให้ได้คนรอบตัวของผู้ป่วยแต่ละรายได้ตระหนักถึงบทบาทที่ควรทำในฐานะญาติ จงช่วยกันเติมเต็มคุณภาพชีวิต แทนที่จะลิดรอนคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
ในเมื่อหมอพาลิ ทำให้ความทุกข์ทางกายหายไป และทำให้คนรอบตัวเติมเต็มความสุขทางจิตวิญญาณได้ ผู้ป่วยจะรีบขอตายด้วยการุณยฆาตทำไมกัน?
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง:
ชีวิตและความตาย สิทธิที่กำหนดได้ด้วยตนเอง