จากการเชื่อมฐานข้อมูลของกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงมหาดไทย ทำให้รู้ว่าปัจจุบันมีเด็กอยู่นอกระบบการศึกษาทั้งสิ้น 1.02 ล้านคน โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้เด็กหลุดออกจากระบบการศึกษา ได้แก่ ความยากจน ปัญหาครอบครัว การต้องทำงานช่วยเหลือครอบครัว และการขาดโอกาสในการเข้าถึงการศึกษา
การศึกษาเป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและพัฒนาอนาคตของประเทศ การที่เด็กหลุดออกจากระบบการศึกษาไม่เพียงแต่ทำให้พวกเขาขาดโอกาสในการพัฒนาตนเอง แต่ยังส่งผลต่อเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ นโยบาย Zero Dropout จึงถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้และส่งเสริมการศึกษาให้แก่เด็กทุกคน โดยมีขั้นตอนการดำเนินงานดังนี้
1. การค้นหาและติดตามเด็กนอกระบบการศึกษา:
- • ใช้ข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย และอื่น ๆ เพื่อค้นหาและติดตามเด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษา
- • จัดทำฐานข้อมูลที่เป็นระบบและเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงาน เพื่อให้สามารถติดตามเด็กที่อยู่ในความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอัปเดตทุก ๆ ภาคเรียน
- • ประกาศมติคณะรัฐมนตรีเพื่อกระจายอำนาจให้แต่ละจังหวัดสามารถจัดตั้งทีมติดตามเด็กกลับมาเรียน เพื่อให้แก้ไขปัญหาได้อย่างคล่องตัว
2. การสร้างการศึกษาที่ยืดหยุ่น หนุนให้เด็กเรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา มีวุฒิฯ รองรับ:
- • จัดทำโครงการทุนการศึกษาและความช่วยเหลือทางการเงินสำหรับเด็กที่ขาดแคลน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและพื้นที่ที่มีความยากจน
- • จัดหาอุปกรณ์การศึกษา ชุดนักเรียน และอาหารกลางวันฟรีสำหรับเด็กที่มีความจำเป็น
- • พัฒนาหลักสูตรที่ยืดหยุ่นและสอดคล้องกับความต้องการของเด็กในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้เด็กสามารถเรียนรู้ได้ตามความสามารถและความสนใจของตนเอง
- • ส่งเสริมการเรียนรู้แบบออนไลน์ และการเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา เน้นให้ผู้เรียนเป็นผู้กำหนดรูปแบบการเรียนรู้เอง
- • ให้คำปรึกษาและสนับสนุนทางด้านจิตวิทยาสำหรับเด็กที่มีปัญหาทางครอบครัวหรือปัญหาทางอารมณ์
- • เชื่อมต่อสถานศึกษากับสถานประกอบการเพื่อประกันการได้มีงานทำ สร้างรายได้ขณะเรียนรู้ ตอบโจทย์หลายครอบครัวยากจน
3. การประสานงานระหว่างหน่วยงานและองค์กรต่างๆ:
- • จัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อกำกับดูแลและประสานงานการดำเนินนโยบาย Zero Dropout
- • ทำงานร่วมกับองค์กรพัฒนาเอกชน ภาคเอกชน และองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อเพิ่มทรัพยากรในการดำเนินนโยบาย และให้สังคมเห็นเป้าหมายร่วมกัน
เป้าหมายความสำเร็จ
1. ลดจำนวนเด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษา:
- • ปีงบประมาณ 2567 เริ่มนำร่องปูพรมค้นหาเด็กในพื้นที่ 25 จังหวัด และพาเด็กกลับเข้าสู่ระบบได้ 20,000 คน
- • ปีงบประมาณ 2568 ขยายมาตรการให้คลอบคลุมพื้นที่ 77 จังหวัด พาเด็กกลับเข้าสู่ระบบได้ 100,000 คน
- • ปีงบประมาณ 2569 พาเด็กกลับเข้าสู่ระบบได้ 500,000 คน
- • ปีงบประมาณ 2570 พาเด็กกลับเข้าสู่ระบบได้ 1,000,000 คน ซึ่งจะทำให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
2. พัฒนาคุณภาพการศึกษาและความสามารถของเด็ก:
- • เพิ่มอัตราการจบการศึกษาขั้นพื้นฐานและลดอัตราการเลื่อนชั้นที่ล่าช้า
- • ส่งเสริมการพัฒนาทักษะอาชีพและทักษะชีวิตของเด็ก เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินชีวิตในอนาคต
3. สร้างเครือข่ายการสนับสนุนและการมีส่วนร่วมของชุมชน:
- • ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน โรงเรียน และครอบครัวในการสนับสนุนการศึกษา
- • สร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของการศึกษา นำไปสู่การออกแบบระบบการศึกษาที่ยืดหยุ่นมากขึ้น