ThaiPBS Logo

ส่งเสริมการลงทุน

การส่งเสริมการลงทุนเป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยรัฐบาลได้มีนโยบาส่งเสริมการลงทุนมานานกว่าครึ่งศตวรรษ ซึ่งจากมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาเพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุน ทำให้เศรษฐกิจและสังคมเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก จากภาคเกษตรไปสู่ภาคอุตสาหกรรม

  • เริ่มนโยบาย
  • วางแผน
  • ตัดสินใจ
  • ดำเนินงาน
  • ประเมินผล

เริ่มนโยบาย

ขั้นตอนเริ่มต้นนโยบาย ประกาศนโยบายต่อสาธารณะ

วางแผน

ขั้นตอนวางแผน เสนอแผนงานต่างๆ

ตัดสินใจ

รัฐบาลตั้งเป้าหมายการส่งเสริมการลงทุน ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)

ดำเนินงาน

ขั้นตอนการตรวจสอบการทำงาน

ประเมินผล

ขั้นตอนการประเมินผลการดำเนินการตามนโยบาย

ภาพรวม

อ่านเพิ่มเติม

ความเคลื่อนไหวล่าสุด

24 ก.ค. 68 นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีแรก ม.ค. – มิ.ย. 2568 มีการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจำนวน 1,880 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 38 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าเงินลงทุนรวม 1,058,225 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 138

กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูง ได้แก่ ดิจิทัล 522,577 ล้านบาท (89 โครงการ) อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า 125,786 ล้านบาท (268 โครงการ) ยานยนต์และชิ้นส่วน 45,195 ล้านบาท (172 โครงการ) การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 42,238 ล้านบาท (191 โครงการ) เกษตรและแปรรูปอาหาร 30,785 ล้านบาท (184 โครงการ) ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 26,726 ล้านบาท (161 โครงการ) การแพทย์ 18,582 ล้านบาท (68 โครงการ) และการท่องเที่ยว 12,894 ล้านบาท (17 โครงการ) ตามลำดับ

โครงการที่น่าสนใจที่ขอรับการส่งเสริมในช่วงครึ่งแรกของปี 2568  เช่น โครงการลงทุน Data Center ขนาดใหญ่ โครงการขยายการลงทุนของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นเพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และรถกระบะ การผลิต Power Control Unit (PCU) สำหรับรถยนต์ไฮบริด การผลิตเซลล์แบตเตอรี่เพื่อใช้ในยานยนต์ไฟฟ้าและระบบกักเก็บพลังงาน การผลิตตัวเก็บประจุชนิดพิเศษที่ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น Notebook, Smartphone และ AI Data Center การประกอบและทดสอบชิป การผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) เป็นต้น

สำหรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมจำนวน 1,369 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 59 เงินลงทุนรวม 737,572 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 132 โดยประเทศ/เขตเศรษฐกิจที่มีมูลค่าขอรับการส่งเสริมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สิงคโปร์ 246,977 ล้านบาท ฮ่องกง 218,638 ล้านบาท จีน 102,263 ล้านบาท สหราชอาณาจักร 93,726 ล้านบาท และญี่ปุ่น 49,819 ล้านบาท ตามลำดับ ทั้งนี้ เงินลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เกิดจากการลงทุนในกิจการ Data Center ขนาดใหญ่จากสิงคโปร์ ฮ่องกง สหราชอาณาจักร จีน และญี่ปุ่น การลงทุนครั้งนี้จะช่วยยกระดับศักยภาพประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางดิจิทัลของภูมิภาค รองรับอุตสาหกรรมใหม่ เช่น AI และ IoT ทั้งในประเทศและสามารถเชื่อมต่อกับตลาดในภูมิภาคอาเซียน

ในด้านพื้นที่ เงินลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออก มีมูลค่า 660,631 ล้านบาท จาก 1,011 โครงการ รองลงมา ได้แก่ ภาคกลาง 333,654 ล้านบาท ภาคใต้ 20,081 ล้านบาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19,354 ล้านบาท ภาคตะวันตก 11,342 ล้านบาท และภาคเหนือ 4,571 ล้านบาท ตามลำดับ

ความเป็นมาของนโยบายส่งเสริมการลงทุนในไทย

จุดเริ่มต้น ในปี 2497

นโยบายส่งเสริมการลงทุนเริ่มขึ้นครั้งแรกในสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม โดยมี พระราชบัญญัติส่งเสริมอุตสาหกรรม พ.ศ. 2497 เป็นกฎหมายฉบับแรกที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการลงทุน   

ในช่วงนี้รัฐบาลต้องการแก้ปัญหารายได้จากการส่งออกที่ลดลง โดยส่งเสริมให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมมากขึ้น แต่ผลลัพธ์ยังจำกัด มีเพียง 9 รายที่ยื่นขอรับการส่งเสริม และได้รับอนุมัติเพียง 6 ราย

การปฏิรูปเศรษฐกิจในปี 2503

ในสมัยรัฐบาลจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ มีการยกเลิกกฎหมายเดิมและตรา พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุนเพื่อกิจการอุตสาหกรรม พ.ศ. 2503 แทนกฎหมายฉบับเดิม โดมีการจัดตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเพื่อกิจการอุตสาหกรรม ซึ่งมีกรรมการ 36 คน โดยมี ทวี บุณยเกตุ เป็นประธาน   ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักคือการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ

จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ในปี 2509

เมื่อ 21 ม.ค. 09  รัฐบาลจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเพื่อกิจการอุตสาหกรรม มีฐานะเทียบเท่ากรม สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี  โดยในช่วงแรกยังไม่มีบุคลากรประจำ ต้องยืมตัวข้าราชการจากหน่วยงานอื่นมาทำงานชั่วคราว

ต่อมามีการการเปลี่ยนชื่อและปรับโครงสร้าง ในปี 2515 โดเมื่อ 21 ต.ค. 15  มีการเปลี่ยนชื่อเป็น “คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน” และ “สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน” ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 227

นับตั้งแต่นั้นมา สำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)  เป็นหน่วงานที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

การปรับปรุงกฎหมายและโครงสร้างในยุคหลัง

ในปี 2520 มีการออก พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520 ซึ่งเป็นกฎหมายหลักที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยมีการแก้ไขเพิ่มเติมหลายครั้ง (ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2534, ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2544, และฉบับที่ 4 พ.ศ. 2560)   

ต่อมาในปี 2545 รัฐบาลโอนบีโอไอไปสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม แต่ในปี 2557 ถูกโอนกลับมาสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง   

ในปี 2560 มีการเปิดศูนย์บุคลากรทักษะสูงเพื่อสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย

บทบาทและหน้าที่ของบีโอไอในปัจจุบัน

บีโอไอมีหน้าที่หลักในการส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติ โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและไม่เกี่ยวกับภาษี :

  • ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
  • ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร
  • อนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้น 100%
  •  อำนวยความสะดวกในการขอวีซ่าทำงานและใบอนุญาตทำงาน
  •  บีโอไอยังมีสำนักงานทั้งในและต่างประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุน
  • การเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)

ในยุคปัจจุบัน นโยบายส่งเสริมการลงทุนของไทยยังคำนึงถึง เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 8 (การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน) และเป้าหมายที่ 9 (การพัฒนาอุตสาหกรรมและนวัตกรรม)

สรุปได้ว่า นโยบายส่งเสริมการลงทุนของไทยมีวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ทศวรรษ 2490 จนถึงปัจจุบัน โดยมีบีโอไอเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อน ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมและนวัตกรรมของประเทศอย่างยั่งยืน

เป้าหมายส่งเสริมการลงทุนในปัจจุบัน

ในปัจจุบัน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กำหนดเป้าหมายหลักที่ต้องการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยให้บรรลุผล 3 ประการ

  • Innovative: เป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์
  • Competitive: เป็นเศรษฐกิจที่มีขีดความสามารถในการแข่งขัน สามารถปรับตัวได้เร็ว และสร้างการเติบโตสูง
  • Inclusive: เป็นเศรษฐกิจที่คำนึงถึงความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม รวมทั้งการสร้าง โอกาส และลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ

ส่งเสริมการลงทุนในการพัฒนาประเทศไทยไปสู่การเป็นศูนย์กลางการลงทุนของภูมิภาค (Regional Hub) อย่างน้อยใน 5 ด้าน

  • Tech Hub เป็นศูนย์กลางการลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ไม่ว่าจะเป็นด้านดิจิทัล ศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ และอุตสาหกรรมอนาคต เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ เป็นต้น
  • BCG Hub เป็นศูนย์กลางการลงทุนตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาที่ยั่งยืน เช่น อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร อุตสาหกรรมชีวภาพ พลังงานหมุนเวียน อุตสาหกรรมสุขภาพและการแพทย์ และอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เป็นต้น
  • Talent Hub เป็นศูนย์รวมผู้มีศักยภาพจากทั่วโลก เช่น ผู้เชี่ยวชาญและบุคลากรทักษะสูง ผู้ที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย กลุ่มสตาร์ตอัป ไปจนถึงนักลงทุนและผู้ที่มีฐานะทางเศรษฐกิจสูง เป็นต้น
  • Logistics & Business Hub เป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ตลอดจนเป็นศูนย์กลางด้านธุรกิจระหว่างประเทศ โดยเป็นที่ตั้งของสำนักงานภูมิภาค (Regional Headquarter) ธุรกิจบริการ ธุรกิจด้านการเงินและการค้าระหว่างประเทศ
  • Creative Hub เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ แฟชั่นและไลฟ์สไตล์ อุตสาหกรรมภาพยนตร์ ดิจิทัลคอนเทนต์ เกมและอีสปอร์ต โดยใช้ศักยภาพด้านวัฒนธรรมของไทย ผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์สู่เวทีโลก

7 หมุดหมายสำคัญในการส่งเสริมการลงทุนเพื่อมุ่งสู่เศรษฐกิจใหม่ และยกระดับให้ไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนของภูมิภาค ประกอบด้วย

  1. การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม โดยยกระดับอุตสาหกรรมเดิมที่ไทยมีความโดดเด่น ควบคู่กับการสร้างฐานอุตสาหกรรมใหม่ที่ไทยมีศักยภาพ และสร้างความเข้มแข็งของ Supply Chain
  2. เร่งเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมไปสู่ Smart & Sustainability
  3. ผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศและประตูการค้าการลงทุนของภูมิภาค
  4. ส่งเสริม SMEs และ Startup ให้เข้มแข็งและเชื่อมต่อกับโลก
  5. ส่งเสริมการลงทุนตามศักยภาพพื้นที่ เพื่อสร้างการเติบโต อย่างทั่วถึง
  6. ส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาชุมชนและสังคม
  7. ส่งเสริมผู้ประกอบการที่มีศักยภาพให้ออกไปลงทุนในต่างประเทศ เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ

บีไอไอจะใช้เครื่องมือสำคัญ 3 ด้าน เพื่อขับเคลื่อน 7 หมุดหมายให้บรรลุผลสำเร็จ คือ สิทธิประโยชน์ทั้งภาษีและไม่ใช่ภาษี การบริการแบบครบวงจรทั้งก่อนและหลังการลงทุน การสร้างระบบนิเวศและปรับปรุงกฎระเบียบให้เอื้อต่อการลงทุน

ที่มา: สำนักงานส่งเสริมการลงทุน

ลำดับเหตุการณ์

  • บีโอไอ นำผู้บริหาร 30 บริษัทชั้นนำของโลกที่ลงทุนในไทย เข้าพบ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจในประเทศ

    6 ส.ค. 2568

  • นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการ บีโอไอ ระบุ ยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนครึ่งปี 68 มี 1,880 โครงการ เพิ่มขึ้น 38% YoY มูลค่าเงินลงทุน 1,058,225 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 138% YoY  ดูเพิ่มเติม ›

    24 ก.ค. 2568

  • คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) เห็นชอบ มาตรการส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการไทย รับมือการค้าโลกยุคใหม่ โดยมีมาตรการสำคัญ 4 ด้าน  ดูเพิ่มเติม ›

    19 พ.ค. 2568

  • ประกาศยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุน 5 ปี (2566-70)  ดูเพิ่มเติม ›

    12 ต.ค. 2568

  • แก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญัติส่งเสริมการลงทุน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2534  ดูเพิ่มเติม ›

    24 ม.ค. 2560

  • แก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญัติส่งเสริมการลงทุน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2534  ดูเพิ่มเติม ›

    10 พ.ย. 2544

  • จัดตั้งศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคตะวันออก จังหวัดชลบุรี (แหลมฉบัง) ในปี 2535 และเปิดทำการอย่างเป็นทางการ เมื่อ 17 ก.พ. 38 ในบริเวณนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี

    15 ก.พ. 2538

  • แก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญัติส่งเสริมการลงทุน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2534  ดูเพิ่มเติม ›

    21 พ.ย. 2534

  • จัดตั้งสำนักงานภูมิภาคแห่งแรก "ศูน์เศรษฐกิจการลงทุน ภาค 2" นครราชสีมา

    9 พ.ค. 2531

  • จัดตั้งสำนักงานในต่างประเทศ 2 แห่ง ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และแฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนี

    20 พ.ค. 2524

  • ประกาศใช้พระราชบัญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520  ดูเพิ่มเติม ›

    4 พ.ค. 2520

  • ปรับปรุงกฎหมาการลงทุน ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 227 เน้นการผลิตเพื่อส่งออก

    21 ต.ค. 2516

  • ปลี่ยนชื่อเป็น "คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน" และ "สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน" ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 227

    21 ต.ค. 2516

  • สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ตั้งขึ้นเมื่อปี 2509 ตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมการลงทุนเพื่อกิจการอุตสาหกรรม

    21 ม.ค. 2509

รายละเอียด

ความสำเร็จของนโยบาย

เชิงโครงการ

งยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุน 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570)
สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ( 2561-2580) แผนการปฏิรูปประเทศ โดยเฉพาะแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (2566-2570)

เชิงกระบวนการ

มุ่งสู่เศรษฐกิจใหม่
สำนักงานส่งเสริมการลงทุน (BOI) มุ่งส่งเสริม สนับสนุนและสร้างบรรากาศการลงทุนไปสู่เศรษฐกิจใหม่

เชิงการเมือง

เป้าหมาและตัวชี้วัดตามยุทธศาสตร์
คำขอรับการส่งเสริมการลงทุนปีละ 300,000 ล้านบาท
มูลค่าการลงทุนที่ได้รับบัตรส่งเสริมปีละ 200,000 ล้านบาท
จำนวนนักลงทุนตามอุตสาหกรรมเป้าหมายปีละ 8 ราย

บทความ

ดูทั้งหมด
ต่างชาติชะลอลงทุน กังวลผลกระทบภาษีทรัมป์

ต่างชาติชะลอลงทุน กังวลผลกระทบภาษีทรัมป์

ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมไทยเผชิญปัจจัยเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนต่างชาติบางส่วนชะลอลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ของไทย พบว่ามูลค่าการขอรับส่งเสริมการลงทุนลดลง -50%YOY

ทางออกเชิงนโยบายแก้ปัญหา 'คนจนเมือง'

ทางออกเชิงนโยบายแก้ปัญหา 'คนจนเมือง'

การแก้ไขปัญหาความจนในชนบทกลับชัดเจนมากกว่าในเมือง เพราะเมืองที่พัฒนาด้วยกลไกทุนนิยม สร้างความซับซ้อนเฉพาะตัว ทำให้คนจนเมืองต้องเผชิญกับความเหลื่อมล้ำ การถูกขูดรีด และถูกแบ่งแยกออกจากสังคม โจทย์สำคัญคือจะทำอย่างไรให้สามารถแก้ไขปัญหาความยากจนอันซับซ้อนหลายมิติไปพร้อมกัน

WFH : วิถีชีวิตเปลี่ยน ความต้องการพื้นที่สำนักงานลด

WFH : วิถีชีวิตเปลี่ยน ความต้องการพื้นที่สำนักงานลด

คาดตลาดอาคารสำนักงานให้เช่า มีแนวโน้มผู้เช่าลดลงแตะ 73% ในปี 68 และต่ำกว่า 70% ในปี 69 หลังโควิด-19 เปลี่ยนหลายองค์กรให้พนักงานทำงานที่บ้านหรือนอกสถานที่มากขึ้น โดยไม่ต้องเข้าออฟฟิศ

จุดเปลี่ยนลงทุนต่างชาติในไทย เข้าสู่ยุคภาคบริการ

จุดเปลี่ยนลงทุนต่างชาติในไทย เข้าสู่ยุคภาคบริการ

โครงสร้างการลงทุนต่างชาติในไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปในช่วง 24 ปีที่ผ่านมา เม็ดเงินลงทุนจากจีนเพิ่มเป็นอันดับหนึ่ง ในขณะที่จากญี่ปุ่นลดลงเรื่อย ๆ แต่กิจการลงทุนเริ่มเปลี่ยนจากภาคอุตสาหกรรมมาเป็นภาคบริการ สะท้อนเศรษฐกิจไทยกำลังเปลี่ยนไปสู่ภาคบริการมากขึ้น

นโยบายภาษีทรัมป์: คว่ำภูมิทัศน์การค้าโลก ทำเศรษฐกิจไทยเสี่ยงถดถอย

นโยบายภาษีทรัมป์: คว่ำภูมิทัศน์การค้าโลก ทำเศรษฐกิจไทยเสี่ยงถดถอย

นโยบายภาษีทรัมป์ (Trump tariffs) ที่ประกาศเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา กลายมาเป็นความท้าทายใหม่ของเศรษฐกิจไทย ที่ผลกระทบอาจแผ่เป็นวงกว้างและลากยาว และอาจทำให้พัฒนาการของเศรษฐกิจไทยถดถอย บทความนี้พาไปดูว่าทำไมทุกภาคส่วนถึงต้องจับตานโยบายภาษีทรัมป์เป็นพิเศษ

ยกแรกสงครามการค้า ไทยรอดแต่ไม่แน่นอนสูง

ยกแรกสงครามการค้า ไทยรอดแต่ไม่แน่นอนสูง

สงครามการค้ารอบแรก หลังสหรัฐประกาศมาตรการภาษีไปหลายประเทศ พร้อมเปิดให้มีการเจรจา กนง.ประเมินยังมีความเสี่ยงต่ำจากผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ 2.0 แต่ยังมีความไม่แน่นอนสูง นักวิเคราะห์ประเมินไทยกับอินเดียเสี่ยงสูงเจอมาตรการภาษี