ในช่วงเปิดเทอม ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายเพื่อการศึกษาไทย Thailand Education Partnership (TEP) สำรวจความคิดเห็นเรื่อง “เปิดเทอมแล้ว ลูกหลานเรียนที่ไหนดี” โดยทำการสำรวจระหว่าง 12-14 พ.ค. 68 จากประชาชนที่มีอายุ 26 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่างเกี่ยวกับความกังวลที่มีต่ออนาคตของเยาวชนไทยในด้านการศึกษาและการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ
การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 0.05 ที่ระดับความเชื่อมั่น 97.0 %
กังวลความเท่าเทียมทางการศึกษา
จากการสำรวจเมื่อถามถึงความกังวลที่มีต่ออนาคตของเยาวชนไทย ทั้งในเรื่องการเข้าถึงระบบการศึกษา ความเท่าเทียม คุณภาพ การสนับสนุน และนโยบายด้านการศึกษา พบว่า
- 30.69% ระบุว่าค่อนข้างกังวล
- 25.19 % ระบุว่า ไม่ค่อยกังวล
- 22.21 % ระบุว่า กังวลมาก
- 21.91 % ระบุว่า ไม่กังวลเลย
เชี่อโรงเรียนรัฐคุณภาพการศึกษาดีกว่า
สำหรับประเภทของโรงเรียนที่สามารถมอบการศึกษาที่มีคุณภาพดีแก่เด็กไทย พบว่า
- 46.26 % ระบุว่า โรงเรียนรัฐ
- 26.18 % ระบุว่า โรงเรียนเอกชน
- 7.18 % ระบุว่า โรงเรียนนานาชาติ
- 6.87 % ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่แน่ใจ
- 5.80 % ระบุว่า โรงเรียนสาธิต
- 5.04 % ระบุว่า โรงเรียนสองภาษา (Bilingual School)
- 1.22 % ระบุว่า โรงเรียนศาสนา และโรงเรียนทางเลือก (โรงเรียนที่มีระบบการศึกษาแบบเปิดให้มีความยืดหยุ่น ทั้งในด้านหลักสูตร การเรียนการสอน การประเมินผลโดยเน้นพัฒนาทักษะตามความสามารถเฉพาะตัวของเด็ก) ในสัดส่วนที่เท่ากัน
- 0.23 % ระบุว่า โฮมสคูล(Homeschool เป็นแบบการศึกษาที่ผู้เรียนเลือกใช้บ้านเป็นฐานการเรียนรู้แทนการไปเรียนโดยมีพ่อแม่หรือผู้ปกครองเป็นครูผู้สอน)
ผู้ปกครองเลือกโรงเรียนที่มีครูคุณภาพ
สำหรับ เหตุผลที่ประชาชนเลือกประเภทของโรงเรียนที่สามารถมอบการศึกษาที่มีคุณภาพดีแก่เด็กไทย พบว่าตัวอย่าง
- 46.64 % ระบุว่า ครูมีคุณภาพ
- 44.75 % ระบุว่า หลักสูตรที่ทันสมัย
- 33.69 % ระบุว่าใกล้บ้าน
- 32.46 % ระบุว่า โรงเรียนมีอุปกรณ์การเรียน การสอนที่ทันสมัย
- 31.31 % ระบุว่า ราคาที่เหมาะสม
- 26.48 % ระบุว่า มีสังคมที่ดีในโรงเรียน
- 26.23 % ระบุว่า ความปลอดภัย
- 15.33 %ระบุว่า เด็กได้ภาษาที่ 2 (เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน เป็นต้น)
- 11.23 % ระบุว่า ชื่อเสียงที่ผ่านมาของโรงเรียน
- 8.03 % ระบุว่าการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมให้แก่เด็ก
สำหรับการมีโอกาสให้บุตรหลานหรือเยาวชนในความดูแลได้เข้าเรียนในโรงเรียนตามที่เลือกไว้ พบว่าตัวอย่าง
- 58.44 % ระบุว่า มีโอกาสทุกคน
- 15.16 % ระบุว่า ไม่มีใครมีโอกาส
- 12.63 % ระบุว่ามีโอกาสบางคน
- 11.23 % ระบุว่า ไม่มีบุตรหลาน/เยาวชนในความดูแล
- 2.54 % ระบุว่า บุตรหลานในความดูแลยังไม่ถึงวัยเข้าโรงเรียน
โรงเรียนคุณภาพดี ค่าใช้จ่ายสูง
ส่วนผู้ที่ระบุว่า มีโอกาสบางคน และไม่มีใครมีโอกาส ให้เหตุผลที่ทำให้บุตรหลานหรือเยาวชนในความดูแลบางคนหรือทุกคนไม่สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนตามรูปแบบที่เลือกได้ พบว่าตัวอย่าง
- 56.05 % ระบุว่า ค่าใช้จ่ายสูงเกินไป
- 14.16 % ระบุว่า อยู่ไกลบ้าน
- 8.55 % ระบุว่าสอบไม่ผ่าน และบุตรหลาน/เยาวชนในความดูแล ปฏิเสธที่จะทำตาม ในสัดส่วนที่เท่ากัน
- 7.97 % ระบุว่ารับจำนวนจำกัด
- 4.72 % ระบุว่า ในอดีตไม่มีโรงเรียนที่มีรูปแบบที่หลากหลายอย่างปัจจุบัน
ต้องการพัฒนาคุณภาพการศึกษา
เมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนถึงหน่วยงานที่จะสามารถช่วยเหลือประชาชนในการสนับสนุนและพัฒนาการศึกษาให้มีคุณภาพ พบว่า
- 65.50 % ระบุว่า รัฐบาล (รวมกระทรวงและข้าราชการที่เกี่ยวข้อง)
- 18.86 % ระบุว่า ไม่มีภาคส่วนใดทำได้ ต้องพึ่งพาตนเอง
- 9.54 % ระบุว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
- 4.12 % ระบุว่า ผู้ประกอบการภาคธุรกิจ (เช่น การเปิดโรงเรียนเองของภาคธุรกิจ)
- 1.45 % ระบุว่า ประชาสังคม หรือ องค์กรไม่แสวงหากำไร
- 0.53 % ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
- คนหนีหลักสูตรการศึกษาไทย แห่ส่งลูกเรียนอินเตอร์
- ความยากจนเกษตรกรไทย ฉุดคุณภาพชีวิตเด็ก
- พ.ร.บ.การศึกษาฉบับใหม่ รอมานาน 26 ปี..ยังต้องรอต่อไป