สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) พยายามหาทางฟื้นดัชนีรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index: CPI) หลังจากตกต่ำลงต่อเนื่องและส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านการลงทุน
ดัชนี CPI ประจำปี 2567 ประเทศไทยได้รับคะแนน 34 จาก 100 คะแนน จัดอยู่ในอันดับที่ 107 จาก 180 ประเทศทั่วโลก และนับเป็นคะแนนต่ำสุดในรอบ 12 ปี จากที่เคยมีคะแนนสูงสุด 38 คะแนน ในพ.ศ. 2557 และ 2558 และลดลงมาเรื่อย ๆ
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังถือได้ว่า “สอบตก” เพราะตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) ได้คาดเป้าหมายไว้ว่าจะต้องได้ 50 คะแนนภายใน พ.ศ. 2565
CPI เป็นดัชนีชี้วัดการทุจริตของภาครัฐ ซึ่งเป็นฐานข้อมูลสำคัญสำหรับภาคเอกชนในการพิจารณาความน่าสนใจของประเทศที่จะลงทุน ว่ามีความโปร่งใสในบริหารงานภาครัฐมากน้อยเพียงใด สถานการณ์ต่างๆ ของประเทศนั้นเอื้อต่อการลงทุนหรือไม่
สาเหตุที่คะแนนต่ำ CPI เพราะอะไร สินบนในการขอใบอนุญาตเท่าไร ต้องจ่ายกับใคร สามารถย่นระยะเวลาได้เท่าไร เพราะสิ่งเหล่านี้คือต้นทุนและความคุ้มค่าในการลงทุน ประเทศที่คะแนน CPI สูงก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้นักธุรกิจอยากมาลงทุน
แต่ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันที่ฝังรากลึกในระบบราชการการบริหารภาครัฐ โดยเฉพาะการประมูลงานภาครัฐ โดยเฉพาะภาคธุรกิจก่อสร้างมีการติดสินบนมากที่สุด แม้ว่าผู้ประกอบการภาคธุรกิจเอกชนจะมีเคยติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่ร้องเรียนการทุจริต เพราะไม่เชื่อมั่นการรักษาความลับข้อร้องเรียน อาจส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจของตนเองและอาจถูกกลั่นแกล้ง
เผยสาเหตุคะแนน CPI ไทยไม่ถึงเป้า
จากการเสวนา หัวข้อ “ค่าดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ของไทย : ปัญหา กลยุทธ์การยกระดับและการสื่อสาร” เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2568 โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) มีการนำเสนอความรู้และเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการป้องกันปราบปรามทุจริต เพื่อเพิ่มคะแนน CPI
สติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนา สถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า คะแนน CPI พิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น การจัดสรรงบประมาณแผ่นดิน การแสวงหาผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่รัฐ ความสามารถของรัฐบาลในการป้องกันการทุจริต การดำเนินคดีอาญาต่อเจ้าหน้าที่รัฐที่ทุจริต การเปิดเผยข้อมูลทางด้านการเงิน ไปจนถึงการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของภาคประชาสังคมเกี่ยวกับกิจการของภาครัฐ ซึ่งประเทศไทยได้คะแนน CPI ต่ำมาจาก
- ค่าตอบแทนของเจ้าหน้าที่พนักงานต่ำ เกิดเป็นแรงจูงใจในการกระทำความผิดเพื่อเพิ่มรายได้
- บริบททางการเมืองภายในประเทศ ส่งผลให้อิสรภาพของสื่อมวลชนมีจำกัด ความเข้มแข็งของภาคประชาสังคมอ่อนแอ และการช่วยเหลือจากต่างชาติในบางกรณีถูกมองว่ามีผลกระทบต่อความมั่นคงภายในประเทศและเสถียรภาพของรัฐ
- มาตรการและกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริต ถูกใช้หรือถูกมองว่าเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อโจมตีฝ่ายหรือพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม มากกว่าการมุ่งแก้ปัญหาการทุจริตอย่างแท้จริง
- แม้มีสถาบันที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันปราบปรามทุจริตโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายและมีความพร้อมเชิงโครงสร้างในระยะแรก แต่การบังคับใช้กฎหมายกลับมีสองมาตรฐานและหย่อนยาน ทำให้สถาบันเหล่านี้ไม่สามารถป้องกันปราบปรามทุจริตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ประชาชนไม่สามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้มาก รัฐไม่อำนวยความสะดวกสบายในการเข้าถึงข้อมูลเพื่อการตรวจสอบ ติดตาม
- การทุจริตสามารถกระทำได้ตามช่องโหว่ของกฎหมายหรือโครงสร้างทางการที่มีอยู่ ส่งผลให้การตรวจสอบการกระทำการทุจริตทำได้ยาก
- ระบบอุปถัมภ์และความเป็นพวกพ้องทำให้การทุจริตฝังรากลึกจนกลายเป็นค่านิยมและแนวปฏิบัติทั่วไปในภายสังคม
- ประเทศไม่มีความเป็นประชาธิปไตยมากพอ มีลักษณะการบริหารแบบอำนาจนิยม ส่งผลให้สามารถยกระดับคะแนน CPI ได้อย่างก้าวกระโดดในระยะแรก หลังการปฏิรูประบบและโครงสร้างทางสังคมและการเมืองขนานใหญ่ แต่ไม่สามารถรักษาอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดไว้ได้ในเวลาต่อมา เนื่องจากไม่สามารถยกระดับคุณภาพของประชาธิปไตยภายในประเทศให้สูงขึ้นไปได้อีก
ระบุต้นตอจาก “การเมือง-ระบบอุปถัมภ์”
เมื่อเปรียบเทียบกับหลายประเทศมีคะแนน CPI เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เอสโตเนีย อุรุกวัย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ทั้ง 6 ประเทศนี้ ต่างเคยเผชิญกับปัญหาการทุจริตอย่างรุนแรงมาแล้ว สาเหตุมาจาก
- บริบททางการเมืองที่เอื้อให้เกิดการทุจริตขนานใหญ่ ระบบการบริหารภาครัฐไม่มีการถ่วงดุล ตรวจสอบ จึงเอื้อต่อการทุจริต
- สายสัมพันธ์ทางเครือญาติและความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์ในระบบบริหารภาครัฐระบบราชการ ทำให้เส้นแบ่งระหว่างผลประโยชน์สาธารณะและผลประโยชน์ส่วนบุคคลไม่มีความชัดเจน และการทุจริตกลายเป็นเรื่องที่สังคมยอมรับได้
- การติดสินบนเพื่อให้การทำงานเสร็จลุล่วงและรวดเร็ว กลายเป็นวัฒนธรรมของระบบราชการ จนเกิดเป็น ความสัมพันธ์ 3 กลุ่ม ระหว่าง ข้าราชการ นักการเมือง และนักธุรกิจ
ในการแก้ไขปัญหาทุจริต ประเทศเหล่านี้ มีขั้นตอนแรกๆ คือ การออกแบบโครงสร้างและสถาบันเพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตที่รัดกุม มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด มีเจตนารมณ์ที่ชัดเจน เช่นรัฐธรรมนูญของเอสโทเนีย มีเจตจำนงชัดเจนในการกำหนดกลไกถ่วงดุลอำนาจ ออกแบบโครงสร้างการปกครองที่ไม่เอื้อต่อการทุจริต และใช้ระบบ e-Government เพื่อสร้างความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ นำเทคโนโลยีเข้ามาคั่นกลางตัวแสดงที่มีความเสี่ยงที่จะทุจริตติดสินบน หน้า เช่น ระหว่างผู้มีอำนาจ ระหว่างผู้ขออนุญาตกับผู้ให้อนุญาต ไม่ให้พบปะกันซึ่งๆ เพื่อตัดปัญหาการต่อรอง ติดสินบน
สำหรับ อินโดนีเซีย มีสถาบันป้องกันปราบปรามการทุจริต อย่างมีประสิทธิภาพ เช่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (Komisi Pemberantasan Korupsi: KPK) ที่มีความเข้มแข็งอย่างมาก เป็นอิสระจากการเมืองและผลประโยชน์อื่นๆ กอปรกับมีการใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ทำให้อินโดนีเซียมีคะแนน CPI ที่ก้าวกระโดด
การขจัดคอร์รัปชั่นนั้นต้องมีองค์ประกอบรอบด้าน ทั้งรัฐ เอกชน ประชาชนทั่วไป ประชาสังคม สื่อมวลชน รวมทั้งท้องถิ่นในส่วนภูมิภาค ที่ต้องทำงานเชื่อมประสานกัน ซึ่งภาครัฐมีหน้าที่ให้ประชาชนและสื่อมวลชนเข้าถึงข้อมูลของรัฐได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และกระตุ้นให้ประชาชนต้องการเข้ามาตรวจสอบภาครัฐ เห็นได้จาก ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ มีกลุ่มองค์กรภาคประชาสังคมจำนวนมากที่เข้ามามีส่วนในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ เนื่องจากรัฐสนับสนุนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบติดตาม
ขณะเดียวกัน ผู้นำและนักการเมืองต้องตระหนักได้ว่าคอร์รัปชั่นเป็นภัยคุกคามประเทศ เอาจริงเอาจังในการกำจัดคอร์รัปชั่น และมีสปิริตรับผิดรับชอบ กล้าที่จะลาออกแสดงความรับผิดชอบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เป็นเรื่องรายบุคคลของนักการเมือง หากแต่เป็นเรื่องสังคมวัฒนธรรมที่มาจาการปลูกฝังเป็นระยะเวลานาน
เพิ่มช่องทางพิเศษแบบเร่งด่วน ลดทุจริต
ธิติ มหาเจริญ รองคณบดีคณะนิติวิทยาศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ กล่าวถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้แก้ไขปัญหาทุจริตว่า ระเบียบราชการและขั้นตอนของหน่วยงานราชการมีมากจนเกินไป เช่น การขอใบอนุญาตต่างๆ นำไปสู่การเพิ่มโอกาสการทุจริตติดสินบนได้
ดังนั้น การมีช่องทางด่วนพิเศษ (Fast track) จะเป็นอีกนวัตกรรมที่สามารถแก้ไขปัญหานี้ ยกตัวอย่างเช่น การทำหนังสือเดินทาง ถ้าเป็นช่องทางปกติ (Normal track) ใช้เวลา 2-3 วันทำการในการจัดส่งไปรษณีย์ กรุงเทพฯ และปริมณฑล หรือต่างจังหวัด ใช้เวลา 3-5 วันทำการ แต่ถ้าใช้ช่องทางด่วนพิเศษ ที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มจะสามารถรับเล่มภายในวันเดียวกัน
“ถือว่าหน่วยงานมีความชอบธรรมในการเพิ่มอัตราค่าธรรมเนียม เพราะต้องใช้ทรัพยากรเพิ่มเติม พนักงานเจ้าหน้าต้องทำงานเพิ่ม เช่นเดียวกับบริการโรงพยาบาลรัฐบางแห่งมีบริการรักษานอกเวลาหรือตึกผู้ป่วยพิเศษแยกต่างหากจากเวลาปรกติหรือผู้ป่วยทั่วไป เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของช่องทางพิเศษ”
ดังนั้นช่องทางด่วนพิเศษถือเป็นทางเลือก และเป็นช่องทางที่มีความโปร่งใส เพราะมีการประกาศชัดเจน เป็นอีกตัวช่วยลดปัญหาการเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่ และการที่เสียค่าบริการเพิ่มเพื่อใช้ช่องทางพิเศษก็ไม่ควรมองว่าเป็นเรื่องของความเหลื่อมล้ำ
นอกจากนี้ ช่องทางด่วนพิเศษไม่จำเป็นต้องเก็บค่าบริการเสมอไป เช่นการต่ออายุเครื่องหมายการค้ากับกรมทรัพย์สินทางปัญญา จากเดิมใช้เวลา 60 วัน ได้พัฒนาขั้นตอนจนเหลือเวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น และในช่วงโควิด 19 ระบาด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ที่มีบริการช่องทางพิเศษทำให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนได้รวดเร็วขึ้น
การมีช่องทางด่วนพิเศษ ไม่เพียงลดการติดสินบน ยังช่วยสร้างแรงจูงใจทางธุรกิจ นักลงทุนทั้งในประเทศและชาวต่างชาติ ต้องการช่องทางด่วนพิเศษในการอนุมัติเรื่องของการก่อสร้าง การทำโครงการต่างๆ เพราะเมื่อกู้เงินมา ระยะเวลาเกี่ยวข้องกับจำนวนเงินที่ต้องจ่ายดอกเบี้ย เท่ากับว่า ต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ เพิ่มขึ้นไปกับเวลาที่เสียไป
ถ้ามีช่องทางด่วนพิเศษก็จะลดปัญหาเรื่องของการรับสินบนของเจ้าหน้าที่ ไม่เกิดเหตุการณ์การเรียกไปจ่ายเงินใต้โต๊ะให้เร่งรัดกระบวนการ แต่ช่องทางด่วนพิเศษไม่ควรนำมาใช้กับทุกกระบวนการ เช่นกระบวนการลงพื้นที่ตรวจสอบหรือกระบวนการก่อสร้างอาคารสถานที่ ที่ส่งผลกระทบกับสวัสดิภาพของคน ช่องทางพิเศษควรเป็นกระบวนการทางเอกสาร อีกทั้งกระบวนการเอกสาร มีขั้นตอนต่างๆ ที่สามารถปรับลดให้เป็นออนไลน์ได้
เสนอใช้แอป GFOS
ธิติ ได้เสนอแอปพลิเคชัน Government Fast-track Operating System (GFOS) เทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในรูปแบบ Web Based Application เพื่อลดขั้นตอนและลดระยะเวลาในการดำเนินงาน นำกระบวนการการดำเนินงานต่าง ๆ เข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Service เปลี่ยนเป็นการยื่นเอกสารผ่านระบบออนไลน์ จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ จัดเก็บไฟล์เอกสารในรูปแบบดิจิทัล
GFOS นี้จะขยายไปใช้กับหน่วยงานภาครัฐมากขึ้น ซึ่งแต่ละหน่วยงานที่เอาไปใช้สามารถประยุกต์ปรับแก้ให้เข้ากับการทำงานของแต่ละหน่วยงาน ประชาชนและผู้ประกอบการสามารถเข้าไปใช้ได้ เพื่อให้กระบวนการยื่นเอกสารเป็นระบบ รวดเร็ว และโปร่งใสมากขึ้น ลดการเผชิญหน้าเจรจาโดยตรงระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับภาคเอกชน ลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ จำกัดช่องทางที่นำไปสู่ปัญหาการเรียกรับสินบน GFOS นี้ถือได้ว่า เป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาทุจริต จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐนำแอปพลิเคชันนี้ไปใช้มากขึ้น ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันฟรี
เพิ่มรูปแบบการดำเนินคดีและการนำเสนอข่าว
ในมาตราการลงโทษผู้กระทำความผิดนั้น ฉันท์ชนก เจนณรงค์ นักวิจัยสังคมศาสตร์ชำนาญการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ช. กล่าวว่า ประเทศไทยยังขาดการนำเสนอข้อมูลกรณีตัวอย่าง คดีการติดสินบนของเจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมืองอย่างต่อเนื่อง ขาดการสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายและการทุจริตคอร์รัปชั่น ผ่านสมาคมธุรกิจและหอการค้าโดยตรง ซึ่งต่างจากหลายประเทศที่มีคะแนน CPI สูง
ตัวอย่างเช่น คณะกรรมการต่อต้านการทุจริต (Independent Commission Against Corruption: ICAC) ของฮ่องกง นำผู้กระทำความผิดมาประจานลงเวปไซต์ มีการนำรูปใบหน้าลงเวปไซต์ โดยไม่เซนเซอร์ เปิดเผยประวัติข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมทั้งการกระทำที่เป็นความผิด เพื่อให้ประชาชนไม่กล้าทุจริต
เช่นเดียวกับ KPK ของอินโดนีเซีย ที่นำเสนอข่าวการดำเนินคดีทุจริตคอร์รัปชั่นผ่านการไลฟ์สด นำผู้กระทำความผิดยืนเป็นฉากหลังในการแถลงข่าวของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ประชาชนสนใจติดตามข่าวและเกิดความกลัว พร้อมทั้งสร้างความอับอายให้กับผู้กระทำความผิด ขณะที่การนำเสนอข่าวในประเทศไทยยังคงเซนเซอร์ใบหน้าผู้กระทำความผิด
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง:
ปัญหาการทุจริต สามารถแก้ไขได้หรือไม่?
ดัชนีรับรู้ทุจริตปี 67 ไทยได้ 34 คะแนน ต่ำสุดรอบ 12 ปี
สร้างกลไกต้านโกง พัฒนาท้องถิ่นยั่งยืน