สถานการณ์ล่าสุด
26 ธ.ค. 68 สตง. ชี้แจงกรณีเหตุการณ์อาคาร สตง. แห่งใหม่ ถล่มเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 68 ว่า
การดำเนินคดีอาญา : อัยการสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งที่เป็นนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา จำนวน 23 ราย ต่อศาลอาญา ในฐานความผิดเกี่ยวกับการออกแบบ ควบคุม และก่อสร้างอาคารโดยไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือวิธีการอันพึงกระทำ เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย รวมถึงความผิดฐานร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม
การดำเนินการของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) : สั่งฟ้องผู้ต้องหาไปยังพนักงานอัยการ นอกจากนี้ในกรณีความผิดตามพ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542
การดำเนินการของสำนักงาน ป.ป.ช. : ได้แจ้งให้ สตง. ส่งมอบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง สตง. ได้จัดส่งเอกสารหลักฐานให้สำนักงาน ป.ป.ช. ตามที่ร้องขอแล้ว
การตรวจสอบของกรมบัญชีกลาง : ตรวจสอบการปฏิบัติตาม พ.ร.บ. การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดย สตง. ได้ตอบข้อซักถามและชี้แจงข้อมูล พร้อมทั้งจัดส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อการตรวจสอบดังกล่าวแล้ว
17 ธ.ค. 68 สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) ร่วมกับ World Justice Project (WJP) เปิดตัวรายงานสถานการณ์หลักนิติธรรมของประเทศไทย (The Rule of Law in Thailand) ประจำปี 2568 ซึ่งหลักนิติธรรมไทยรั้งอันดับที่ 77 ของโลก ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยสากล จากรายงานพบว่า ไทยมีจุดอ่อนสำคัญเรื่องการทุจริตและการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่แน่นอน
9 ธ.ค. 68 อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน งานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) “HERO OF THE TRUTH ร่วมหยุดคอร์รัปชัน” ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี พร้อมนำประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริต
4 ธ.ค. 68 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ ปปง. ขยายคำนิยาม “บุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง” ให้เป็น บุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง ซึ่งพ้นจากตำแหน่งมาแล้วไม่เกิน 1 ปี หรือพ้นจากตำแหน่งเกิน 1 ปีแต่ยังคงมีอิทธิพลหรือความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง หรือมีบทบาทในการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายสำคัญ ให้ถือว่าบุคคลนั้นยังคงเป็นบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมืองต่อไป
2 ธ.ค. 68 ครม. มีมติสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกภาคีเครือข่ายภาครัฐระบบเปิด (Open Government Partnership-OGP) อย่างเป็นทางการ ยกระดับความโปร่งใสของราชการ หลังไทยผ่านคุณสมบัติเบื้องต้นตามเกณฑ์ขององค์กร OGP ด้านความโปร่งใสทางการคลัง การเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินเจ้าหน้าที่รัฐ และการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการนโยบาย
1 ธ.ค. 68 ศาลอาญานัดตรวจพยานหลักฐาน คดีอาคาร สตง.แห่งใหม่ถล่ม ที่อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญาฟ้องจำเลยฐานความผิด ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์วิชาชีพในการออกแบบก่อสร้าง เหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น ถึงแก่ความตาย และร่วมกันปลอมเอกสาร โดยศาลนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก 23 ก.ค.69
30 ต.ค. ุ68 กมธ. การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ รายงานผลการศึกษาต่อสภาฯ เรื่องแนวทางการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ตั้งข้อสังเกตให้ ครม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อจัดทำชุดข้อมูลเปิด (open data) ทั้งหมด 25 ชุดข้อมูล และสร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) รวมทั้งให้สำนักงบประมาณพัฒนากระบวนการให้มีความโปร่งใส
17 ต.ค. ุ68 ป.ป.ช. ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบผลการประเมิน ITA ให้มีอำนาจหน้าที่ ตรวจสอบและศึกษาผลการประเมิน ITA ที่ผ่านมา เพื่อพัฒนาเครื่องมือประเมิน ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และการทำงานขององค์กรต่างๆ
29 ก.ย. 68 นโยบายรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกุล ประกาศ แก้ไขขจัดทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างเด็ดขาดและจริงจัง โดยร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อยกระดับความเชื่อมั่นของประชาชนและนานาประเทศ
รักษาหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัด โดยให้ถือว่าการกระทำของเจ้าพนักงานของรัฐในกรณีเหล่านี้เป็นการกระทำความผิดทางวินัยร้ายแรง และต้องดำเนินการทางอาญาอย่างเด็ดขาด
ละเว้นการบังคับใช้กฎหมายในการดำเนินการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด บ่อนการพนันและการพนันออนไลน์ อาชญากรรมข้ามชาติ ภัยไซเบอร์ การสร้างข่าวปลอมและการหลอกลวงประชาชนในรูปแบบต่าง ๆ
พิทักษ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น โดยดำเนินมาตรการป้องกันและขจัดการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น โดยในส่วนของพระพุทธศาสนารัฐบาลจะดำเนินการโดยพระสังฆราชานุมัติด้วยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม
6 มิ.ย. 68 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกลไกและมาตรการคุ้มครองช่วยเหลือประชาชนที่เปิดโปงแจ้งเบาะแสการทุจริต เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ภาคประชาชนที่จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการต่อต้านหรือชี้ช่องแจ้งเบาะแสการทุจริตมากยิ่งขึ้น
22 พ.ค. 68 ตุลาการศาลปกครองสูงสุดพิพากษาในคดีที่กระทรวงการคลังยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 135/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค.2559 ที่ให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717,273,028 บาท
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยเพิกถอนคำสั่งของกระทรวงการคลัง ที่สั่งให้ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าว 3.5 หมื่นล้านบาท ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่สั่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดเฉพาะในส่วนของการระบายข้าว (จีทูจี) 50% ของมูลค่า 20,000 ล้านบาท เนื่องจากเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
หน่วยงานที่มีบทบาทโดยตรงคือสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะที่องค์กรหลักในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พยายามดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจที่ส่งผลกระทบต่อการยกระดับคะแนน ดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index หรือ CPI) โดยตรง เช่น การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อสนับสนุนงานด้านการปราบปรามการทุจริตและตรวจสอบทรัพย์สิน การพัฒนาระบบติดตามเรื่องร้องเรียนบนเว็บไซต์ของสำนักงาน ป.ป.ช.
รวมถึง การพัฒนาระบบฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานปราบปรามการทุจริตและการตรวจสอบทรัพย์สิน เช่น ระบบฐานข้อมูลคดีทุจริต (AGMS : Agency Case Monitoring System)
การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ผ่านชมรม STRONG จิตพอเพียงต้านทุจริต การจัดทำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา และการเสนอมาตรการ ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต และประสานการร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการการดำเนินงานในการส่งเสริมการยกระดับคะแนน CPI ของประเทศไทยให้เป็นไปตามเป้าหมาย
แต่จากอันดับล่าสุดที่ประกาศเมื่อต้นปี 2566 แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ของไทยยังไม่ดีขึ้น