ThaiPBS Logo

สารบัญประกอบ

    เทียบนโยบาย “เดโมแครต-รีพับลิกัน” กระทบไทยแค่ไหน?

    23 ส.ค. 256717:18 น.
    เทียบนโยบาย “เดโมแครต-รีพับลิกัน” กระทบไทยแค่ไหน?

    สารบัญประกอบ

      การเลือกตั้งสหรัฐฯที่จะกำลังจะเกิดขึ้นในเดือน พ.ย.นี้ จะเป็นตัวกำหนดทิศทางเศรษฐกิจการเมืองโลกอีกครั้ง เมื่อ "โดนัลด์ ทรัมป์" กลับมาชิงตำแหน่งประธานาธิบดี เพราะหากเขาชนะเลือกตั้งก็เชื่อว่านโยบายสหรัฐฯจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในหลายเรื่อง และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการเมืองโลก รวมถึงไทย

      สหรัฐฯ กำหนดให้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกรัฐสภาขึ้น ในวันที่ 5 พ.ย. 2567 แต่ไม่ว่าผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะออกมาอย่างไร ล้วนแต่มีผลในการกำหนดทิศทางการดำเนินนโยบาย รวมถึงผลการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาที่จะส่งผลต่อการผลักดันกฎหมายต่าง ๆ ของสหรัฐฯอีกด้วย

      ทั้งนี้ รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ และ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน ต่างมีนโยบายที่แตกต่างกัน ดังนั้นหากใครชนะเลือกตั้ง ก็หมายความว่านโยบายของสหรัฐฯจะเดินหน้าไปในทางที่หาเสียงไว้ในอีก 4 ปีข้างหน้า

       

       

      แนวโน้มนโยบายที่สำคัญของแต่ละฉากทัศน์ โดยดูจากนโยบายเดิมและที่ประกาศในช่วงหาเสียงขณะนี้ จะเป็นตัวกำหนดนโยบายของสหรัฐฯในระยะต่อไป และเนื่องจากสหรัฐฯเป็นประเทศมหาอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจของโลก ทุกนโยบายย่อมส่งผลกระทบไปทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศไทยก็หลีกเลี่ยงผลกระทบไม่พ้น โดยแนวนโยบาย หากแต่ละพรรคชนะเลือกตั้ง สรุปได้ดังนี้

      หากพรรคเดโมแครตชนะเลือกตั้ง นโยบายแต่ละด้านที่สำคัญ มีดังนี้

      • การค้าระหว่างประเทศ ดำเนินมาตรการกีดกันทางการค้ากับจีนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนโดยเฉพาะ EV
      • ภาษี ปรับขึ้นอัตราภาษีสำหรับบุคคลผู้มีรายได้สูง และภาษีซื้อคืนหุ้นลดอัตราภาษีสำหรับผู้มีรายได้น้อย
      • อุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อม สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมสีเขียว ลดการใช้พลังงานจากฟอสซิล และดำเนินนโยบายให้บรรลุเป้าหมายตาม COP28 โดยเฉพาะโครงการจากงบประมาณใน Inflation Reduction Act
      • ผู้อพยพและแรงงานต่างชาติ ลดข้อจำกัดในการอนุญาตให้ผู้อพยพเข้ามาทำงานในประเทศอย่างถูกกฎหมาย
      • สวัสดิการสังคม เพิ่มความเข้มงวดในการครอบครองอาวุธปืน เพิ่มงบประมาณสนับสนุนด้านสาธารณสุข (OBAMACARE) รวมถึงการส่งเสริมสิทธิการทำแท้งของสตรี
      • การเมืองระหว่างประเทศ สนับสนุนความร่วมมือแบบพหุภาคีอีกทั้งยังให้ความสนับสนุนยูเครนและอิสราเอลต่อเนื่อง

      หากพรรครีพับลิกันชนะการเลือกตั้ง นโยบายที่สำคัญ มีดังนี้

      • การค้าระหว่างประเทศ ดำเนินมาตรการทางการค้าต่อจีนจะมีความเข้มข้น โดยอาจนำไปสู่การขึ้นอัตราภาษีนำเข้าจากจีนเป็นร้อยละ 60 และร้อยละ 10 สำหรับประเทศอื่น ๆ
      • ภาษี ต่ออายุการลดหย่อนภาษีที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2560
      • อุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อม ปรับแก้กฎหมายและกฎระเบียบให้เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจสนับสนุนการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ลดบทบาทของกฎหมาย Inflation Reduction Act และยกเลิกเครดิตภาษีคาร์บอน
      • ผู้อพยพและแรงงานต่างชาติ งดการให้สิทธิการเป็นสัญชาติอเมริกันสำหรับเด็กที่เกิดในประเทศ แต่บุพการีไม่มีใบแจ้งการอพยพถิ่นฐาน
      • สวัสดิการสังคม ปรับปรุง/ยกเลิก the Affordable Care Act โดยเพิ่มสัดส่วนค่าใช้จ่ายของประชาชน และให้แต่ละมลรัฐเป็นผู้กำหนดกฎหมายการทำแท้ง อีกทั้งสนับสนุนสิทธิในการถือครองปืนอย่างทั่วถึง
      • การเมืองระหว่างประเทศ ยกเลิกความช่วยเหลือแก่ยูเครนแต่ยังให้การสนับสนุนอิสราเอลและมีจุดยืนที่ไม่สนับสนุน NATO

      จากนโยบายของทั้งสองพรรค จะเห็นว่ามีผลกระทบจากภูมิรัฐศาสตร์ และเศรษฐกิจโลกต่างกัน กล่าวคือ หากพรรครีพับลิกัน ชนะเลือกตั้ง สถานการณ์จะต่างไปจากปัจจุบันอย่างมาก แต่หากพรรคเดโมแครต ท่าทีและนโยบายของสหรัฐต่อภูมิภาคต่าง ๆ จะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบันมากนัก

      ในด้านเศรษฐกิจ เชื่อว่าสหรัฐจะกดดันจีนมากขึ้น และหากพรรครีพับลิกันชนะเลือกตั้ง ก็เชื่อว่ามาตรการตอบโต้จีนในเรื่องการค้าจะรุนแรงขึ้น ซึ่งหมายถึงว่าจะกระทบเศรษฐกิจในวงกว้างเหมือนในอดีตที่สหรัฐออกมาตรการกีดกันการค้าจีน

      สำหรับประเทศไทยอาจไม่มีได้รับผลกระทบโดยตรง แต่เป็นผลทางอ้อมมากกว่า โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ หากสหรัฐออกมาตรการตอบโต้จีนอย่างรุนแรง นั่นหมายถึงว่าไทยก็จะกระทบไปด้วยเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีต เพราะจีนได้กลายเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย ทั้งมูลค่าการส่งออกและนำเข้า

      ที่มา: สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

       

      นโยบายที่เกี่ยวข้อง

      ส่งเสริมการลงทุน

      การส่งเสริมการลงทุนเป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยรัฐบาลได้มีนโยบาส่งเสริมการลงทุนมานานกว่าครึ่งศตวรรษ ซึ่งจากมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาเพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุน ทำให้เศรษฐกิจและสังคมเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก จากภาคเกษตรไปสู่ภาคอุตสาหกรรม

      • 1
      • 2
      • 3
      • 4
      • 5

      การค้า

      นโยบายการค้าของไทย เผชิญกับความท้าทายมากขึ้น จากสงครามการค้า ทำให้มีความเสี่ยงจากการแยกตัวของห่วงโซ่อุปทานโลก ซึ่งทำให้ไทยต้องเลือกข้างระหว่างสหรัฐ-จีน แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามดำเนินนโยบายเป็นกลางและประสานผลประโยชน์ทุกฝ่าย

      • 1
      • 2
      • 3
      • 4
      • 5

      ผู้เขียน: