การส่งออกของไทยในเดือน ก.ย. 68 เติบโต 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ถือเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบ 42 เดือน ตามรายงานของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงการคลัง เมื่อหักสินค้าที่เกี่ยวกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย (ทรัพยากร วัตถุดิบ หรือสินค้าที่จำเป็นต่อความมั่นคงของประเทศ) ส่งออกไทยเติบโตที่ 15.7%YoY
รวมส่งออก 9 เดือนแรกของปี 68 เติบโต 13.9%YoY หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย เติบโต 13.6%YoY
ปัจจัยหลักมาจากการส่งออกที่เติบโตในอัตราเร่งขึ้นความชัดเจนของมาตรการภาษีนำเข้าต่างตอบแทนของสหรัฐอเมริกา (Reciprocal Tariffs) รวมถึงสัญญาณท่าทีที่ผ่อนคลายนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่มากขึ้น ทำให้บรรยากาศการค้าโลกกลับมาฟื้นตัว
ทองคำ-อิเล็กฯ ส่งออกโตแรง
ส่งออกไทยที่เติบโต มาจากสินค้าอุตสาหกรรมเป็นหลัก โดย เดือน ก.ย. เติบโต 26.4%YoY ต่อเนื่อง 18 เดือนติดต่อกัน รวม 9 เดือนแรกของปี 68 เติบโต 18.6%YoY สินค้าหลักที่เติบโต ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เติบโต 57.9%YoY, รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เติบโต 14.6%YoY, อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) เติบโต 16.9%YoY และเฉพาะทองคำ เติบโต 212.6%YoY, เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เติบโต 64.9%YoY, เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เติบโต 11.3%YoY และหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เติบโต 33.1%YoY
ขณะที่สินค้าหดตัว หลัก ๆ ได้แก่ สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน หดตัว 11.7%YoY, เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ หดตัว 5.9%YoY, อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอด หดตัว 16.3%YoY, เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ หดตัว 17.0%YoY
ข้าวไทยส่งออกติดลบหนัก
ด้านการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร เดือน ก.ย. หดตัว 8.1%YoY ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดยหลักมาจากสินค้าเกษตรหดตัว 18.2% YoY ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร เติบโต 4.1% รวม 9 เดือนแรกของปี 68 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร เติบโต 0.6%YoY
โดยสินค้าหลักที่หดตัว ได้แก่ ข้าว หดตัว 31.4%YoY, ยางพารา หดตัว 15.3%YoY, ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง หดตัวร้อยละ 55.5%YoY, เครื่องดื่ม หดตัว 8.0%YoY และสิ่งปรุงรสอาหาร หดตัว 7.1%YoY
สินค้าหลักที่เติบโต ได้แก่ ไก่แปรรูป เติบโต 9.7%YoY, ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ เติบโต 37.8%YoY, ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลี และอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ เติบโต 11.1%YoY, น้ำตาลทราย เติบโต 42.8%YoY และกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง เติบโต 5.9%YoY
ประเทศที่เป็นตลาดส่งออกสินค้าหลักของไทย ยังคงอยู่ที่สหรัฐฯ แม้เผชิญอัตราภาษีนำเข้าที่สูง (19%) โดยตลาดสหรัฐฯ เติบโต 35.3%YoY จีนเติบโต 3.2%YoY ญี่ปุ่นเติบโต 6.2%YoY สหภาพยุโรปเติบโต 11.9%YoY อาเซียน 20.4%YoY ตลาดเอเชียใต้ เติบโต 28.6%YoY ทวีปออสเตรเลียเติบโต 2.8%YoY ตะวันออกกลาง เติบโต 8.1%YoY ลาตินอเมริกาเติบโต 31.7%YoY รัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS (กลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช) เติบโต 32.5%YoY
แนวโน้มการส่งออกในช่วงที่เหลือของปี 68 กระทรวงพาณิชย์ คาดว่าจะยังคงขยายตัว แต่ในอัตราที่ชะลอลง โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงสินค้าเกษตรแปรรูปและอาหารที่ยังคงมีความต้องการในตลาดโลก
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม ได้แก่ มาตรการตอบโต้ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่สร้างแรงกดดันและความผันผวนต่อห่วงโซ่อุปทานโลก ความเสี่ยงจากภาวะชัตดาวน์ของสหรัฐฯ ที่อาจยืดเยื้อและส่งผลกระทบต่อการขนส่งสินค้า
ปี 69 ส่งออกเสี่ยงแผ่วลง
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) มองการส่งออกท้ายปี 68 ของไทยจะแย่ลง จากข้อมูลส่งออก 9 เดือนแรกของปีนี้ที่ออกมาดีกว่าคาดต่อเนื่อง และข้อมูลส่งออกเดือน ก.ย. ยังขยายตัวสูงถึง 19%YoY มูลค่าการส่งออกของไทยทั้งปี 68 จึงมีแนวโน้มขยายตัวสูงกว่าที่ SCB EIC ประเมินไว้ล่าสุดก่อนหน้านี้ที่ 5.3% YoY แม้การส่งออกในช่วงไตรมาส 4 ปี จะมีแนวโน้มแย่ลง และก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์เคยตั้งเป้ามูลค่าการส่งออกปีนี้ไว้ที่ 2-3% เท่านั้น แต่การแถลงล่าสุดเดือนนี้ กระทรวงพาณิชย์ ปรับมุมมองส่งออกปีนี้อาจขยายตัวได้สูงขึ้นมากถึง 10.4%YoY
อย่างไรก็ตาม SCB EIC ประเมินว่า แม้ตัวเลขส่งออกไทยปีนี้ที่จะให้ภาพเร่งตัวสูงกว่าปีก่อนมาก แต่ไทยอาจได้รับประโยชน์สุทธิไม่มากเท่าที่ควร เนื่องจากทองคำเป็นสินค้าส่งออกสำคัญที่ขยายตัวสูงมากในปีนี้ (ก.ย. เติบโต 212.6%YoY รวม 9 เดือนเติบโต 104.8%YoY) และการนำเข้าขยายตัวสูงขึ้นมากเช่นเดียวกับการส่งออก (ก.ย. หดตัว 29.7%YoY รวม 9 เดือนเติบโต 27.2%YoY)
สำหรับในปี 69 ส่งออกไทย SCB EIC ประเมินแนวโน้มหดตัว -1.9%YoY (ประเมิน ณ ต้นเดือน ต.ค. 2025) จากหลายปัจจัยกดดัน เช่น การที่สหรัฐฯ มีแนวโน้มตั้งกำแพงภาษีเพิ่มเติม ทั้งภาษีรายสินค้า (โดยเฉพาะอิเล็กทรอนิกส์ที่ขยายตัวได้ดีในช่วงที่ผ่านมา) รวมถึงภาษีสินค้าสวมสิทธิ 40% เศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวชะลอลง ความไม่แน่นอนของการค้าโลกที่ยังสูง ปัจจัยฐานสูง ค่าเงินบาทที่อาจแข็งกว่าภูมิภาค สอดคล้องกับมุมมองหลายองค์กรระหว่างประเทศ ว่าปริมาณการค้าโลกในปี 69 มีแนวโน้มชะลอตัวลงจากปี 68 มาก โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มองว่าปริมาณการค้าและบริการโลกมีแนวโน้มขยายตัว 2.3% ในปี 69 ชะลอลงจาก 3.6% ในปี 68 เช่นเดียวกับ องค์การการค้าโลก (WTO) ที่มองว่าปริมาณการค้าโลกจะขยายตัวเพียง 0.5% ในปี 69 ชะลอลงจาก 2.4% ในปี 68
ศูนย์วิจัยกรุงไทย Krungthai COMPASS บ่งชี้การส่งออกรวมของไทยในเดือน ก.ย. 68 ได้รับแรงส่งจากการส่งออกเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (ADP) และทองคำ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยชั่วคราวที่มีความไม่แน่นอน โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (มีสัดส่วนในการเติบโตของการส่งออกไทย ที่ 5.3%) ส่วนหนึ่งสะท้อนการเร่งซื้อสินค้าบางประเภทที่ยังได้รับการยกเว้นภาษีศุลภากรตอบโต้จากสหรัฐฯ ซึ่งมีความไม่แน่นอนจากความเสี่ยงที่อาจถูกเก็บภาษี Sectoral Tariff (สินค้าที่โดนภาษีเฉพาะอุตสาหกรรม) เพิ่มเติมในอนาคต ขณะที่ทองคำ ยังไม่ได้ขึ้นรูป (สัดส่วนในการเติบโตส่งออกไทยที่ 6.1%) เติบโตสูงจากความต้องการทองคำในตลาดการเงินโลกที่ผันผวนตามความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ไม่แน่นอน จึงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อไป
ในระยะข้างหน้า พบสัญญาณการส่งออกสินค้าจากประเภทส่งออกสำคัญในภูมิภาคเอเชียไปยังสหรัฐฯ เริ่มชะลอตัวชัดขึ้น หลังจากที่เร่งส่งออกไปในช่วงก่อนหน้า (Front-loading) โดยในเดือน ก.ย. 68 มูลค่าการส่งออกไต้หวัน หดตัว 32.2% จากเดือนก่อนหน้า (MoM) เวียดนาม หดตัว 1.5% MoM
ดังนั้น Krungthai COMPASS คาดการส่งออกไทยจะชะลอตัวลงในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 68 และจะหดตัวต่อเนื่องในปี 69 จากการเร่งส่งออกที่จะอ่อนแรงลง และนโยบายการค้าของประเทศหลักที่ไม่แน่นอน โดยต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงต่อการส่งออกไทยในระยะข้างหน้า ได้แก่ 1. โอกาสที่สหรัฐฯ จะปรับอัตราภาษี Sectoral Tariff ของทั้งสินค้าส่งออกไทยและคู่แข่งเพิ่มเติม ซึ่งจะส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของไทย 2. โอกาสที่สหรัฐฯ จะจัดเก็บภาษี Transshipment Tariff (สินค้าสวมสิทธิ์) กับสินค้าส่งออก ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจน
ผลบวกต่อเศรษฐกิจยังค่อนข้างจำกัด
วิจัยกรุงศรี ระบุว่า แม้การส่งออกในเดือน ก.ย. ยังคงเติบโตสูงแต่โครงสร้างการเติบโตยังคงกระจุกตัวอยู่ในบางอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งได้แรงหนุนจากการเร่งส่งออกก่อนที่สหรัฐฯ จะมีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าในกลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์ ประกอบกับแรงขับเคลื่อนจากการเติบโตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลทั่วโลก
ขณะที่การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรยังคงหดตัวต่อเนื่องจากราคาตลาดโลกที่ปรับลดลงและการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงขึ้นในภูมิภาครวมทั้งผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ในช่วงที่เหลือของปีนี้แม้การส่งออกอาจมีแนวโน้มชะลอลงบ้างหลังจากเร่งส่งออกไปแล้วนั้น แต่จากมูลค่าการส่งออกในช่วง 9 เดือนแรกที่ขยายตัวสูงเกินคาดจึงมีแนวโน้มที่การส่งออกทั้งปีจะเติบโตได้ดีกว่าที่วิจัยกรุงศรีเคยคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 3.5%
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังไม่ใช่การเติบโตแบบทั่วถึง (broad-based) ทำให้ผลบวกต่อเศรษฐกิจโดยรวมยังค่อนข้างจำกัดและอาจไม่เพียงพอที่จะชดเชยอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอ
ที่มา: สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์, ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC), ศูนย์วิจัยกรุงไทย Krungthai COMPASS, ศูนย์วิจัยกรุงศรี
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- ปี 69 ส่งออกไทยเสี่ยงติดลบ วัดฝีมือรัฐบาลใหม่เจรจาสหรัฐฯ
- จับตาภาษีทรัมป์ยกสอง คาดไทยกระทบหนักปี 69
- เจาะผลกระทบภาษีทรัมป์ เมื่อสินค้าไทยเจอศึก 2 ด้าน
