หากนับเวลาอย่างเป็นทางการรัฐบาลภายใต้การนำของ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี เหลือเวลาบริหารอีก 2 ปี แต่ในสถานการณ์การเมืองร้อน หลังคลิปเสียงเจรจาส่วนตัวระหว่าง“แพทองธาร” กับ ฮุนเซน กรณีความขัดแย้งไทยกัมพูชา เวลาที่เหลืออยู่จริงของรัฐบาลมีมากน้อยแค่ไหน ?
แล้วรัฐบาลจะเหลือเวลาบริหารมากน้อยแค่ไหน มีกฎหมายสำคัญที่ต้องผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรมากน้อยขนาดไหน ? กฎหมายอะไรได้ไปต่อ และกฎหมายอะไรบ้างที่ต้องโบกมือลาในรัฐบาลนี้
“Policy watch” สำรวจกฎหมายที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร และกฎหมายที่บังคับใช้แล้วในช่วงปี 2567-2568 พบว่ามีกฎหมายที่เสนอเข้ารับการพิจารณา ทั้งหมด 59 ฉบับ ร่างพระราชบัญญัติที่พิจารณาในสภาผู้แทนราษฏร และผ่านการพิจารณาและประกาศในราชกิจจานุเบกษาทั้งหมด 16 ฉบับ กฎหมายสำคัญที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีกฎหมายที่ตกไปแล้ว 8 ฉบับ โดยมีกฎหมายที่อยู่ระหว่างการพิจารณาทั้งหมด 35 ฉบับ
ในจำนวนกฎหมายที่อยู่ระหว่างการพิจารณา มีกฎหมายที่สำคัญๆที่ต้องเร่งผลักดัน เช่น ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ ซึ่งผ่านการพิจารณาในวาระ1 และอยู่ในชั้นคณะกรรมาธิการ ซึ่งคาดว่าสามารถบังคับใช้ได้ทันในรัฐบาลนี้
สภาฯใช้เวลาเฉลี่ย 1-2 ปีในพิจารณากม. 1 ฉบับ
หากประเมินจากขั้นตอนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ ซึ่งเฉลี่ยโดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี หรือเกือบ 2 ปี โดยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน ได้แก่ การพิจารณารับหลักการ การพิจารณารายมาตรา และการลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ โดยขั้นตอนเพื่อเตรียมบรรจุวาระ โดยทั่วไปแล้วใช้เวลาไม่เกิน 45 วัน ก่อนเข้าสู่ สำนักเลขาสภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบร่างกฎหมาย เพื่อเสนอไปสู่ประธานสภาผู้แทนบรรจุระเบียบวาระ
หลังจากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีทั้งหมด 3 วาระ
- วาระที่ 1 การรับหลักการ เป็นการพิจารณาหลักการและเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติสมาชิกรัฐสภาจะอภิปรายและลงมติว่าจะรับหลักการของร่างพระราชบัญญัติหรือไม่ หากรับหลักการ จะเข้าสู่การพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ
- วาระที่ 2 จะเป็นการพิจารณารายมาตรา โดยสภาผู้แทนราษฎรจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาในรายละเอียด มีการอภิปรายและแก้ไขเพิ่มเติมรายมาตรา ซึ่งในชั้นกรรมาธิการจะใช้เวลานานกว่าอาจจะใช้เวลาเกิน 120 วัน แต่บางกรณี เช่น พ.ร.บ.อากาศสะอาด เข้าสภาผู้แทนราษฏร เมื่อวันที่ 17 มกราคม 67 กระทั่งปัจจุบัน พ.ร.บ.อากาศสะอาดยังอยู่ในชั้นกรรมาธิการ ซึ่งหมายถึงใช้เวลาในการพิจารณากฎหมายฉบับนี้ในชั้นกรรมาธิการมากกว่า 1 ปี
- วาระที่ 3 เมื่อกรรมาธิการพิจารณาแล้วเสร็จจะเข้ารับการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้งโดยจะพิจารณาเป็นรายมาตรา หลังจากนี้สภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาลงมติ เป็นการลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติทั้งฉบับ โดยพบว่าสภาผู้แทนราษฏรสามารถลงมติเห็นชอบในวาระ 2 และวาระ 3 ในวันเดียวได้ หากผ่านการพิจารณาในชั้นคณะกรรมาธิการแล้ว
วุฒิสภาใช้เวลาอีก 60 วัน พิจารณากฎหมาย
หลังจากขั้นตอนการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร 3 วาระ จะเข้าสู่การพิจารณาชั้น วุฒิสภาโดยจะพิจารณาร่างพระราชบัญญัติใน 3 วาระเช่นเดียวกับสภาผู้แทนราษฎร โดยต้องพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่สภาผู้แทนราษฎรเสนอมานั้นให้เสร็จภายใน 60 วัน แต่ถ้าเป็นร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวด้วยการเงิน ต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 30 วัน เว้นแต่วุฒิสภาจะได้ลงมติให้ขยายเวลาออกไปเป็นกรณีพิเศษแต่ก็ต้องไม่เกิน 30 วัน
การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติของวุฒิสภาจะพิจารณาเป็น 3 วาระ ซึ่งการพิจารณาของวุฒิสภาจะเป็นการลงมติว่าเห็นด้วยกับสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ โดยอาจลงมติได้ 3 กรณี
1) เห็นชอบด้วย โดยไม่มีการแก้ไขให้ถือว่าร่างพระราชบัญญัตินั้นได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา แล้วให้นายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย และเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับเป็นกฎหมายได้
2) ไม่เห็นชอบด้วย เป็นการที่วุฒิสภายับยั้งร่างพระราชบัญญัตินั้นไว้ก่อนและส่งกลับคืนไปยังสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรจะยกร่างพระราชบัญญัตินั้นขึ้นพิจารณาใหม่ได้เมื่อเวลา 180 วันได้ล่วงพ้นไป นับแต่วันที่วุฒิสภาส่งร่างพระราชบัญญัตินั้นคืนไปยังสภาผู้แทนราษฎร และถ้าสภาผู้แทนราษฎรลงมติยืนยันร่างเดิม ด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร ให้ถือว่าร่างพระราชบัญญัตินั้นได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาแล้ว
แต่สำหรับกรณีที่ร่างพระราชบัญญัติที่วุฒิสภายับยั้งไว้นั้นเป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงิน สภาผู้แทนราษฎรอาจยกร่างพระราชบัญญัตินั้นขึ้นพิจารณาใหม่ได้ทันทีหลังจากที่วุฒิสภามีมติ ไม่เห็นชอบด้วย และหากสภาผู้แทนราษฎรยังคงยืนยันร่างเดิม ด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ก็ให้ถือว่าร่างพระราชบัญญัตินั้นได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา
3) มีการแก้ไขเพิ่มเติม ถ้าสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบด้วยกับการแก้ไขเพิ่มเติม ก็ให้ถือว่าร่างพระราชบัญญัตินั้นได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว แต่ถ้าสภาผู้แทนราษฎรไม่เห็นชอบด้วยกับวุฒิสภาที่มีมติแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติที่สภาผู้แทนราษฎรเสนอ ก็จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกันพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินั้น
ทั้งนี้ ถ้าสภาทั้งสองเห็นชอบด้วยกับร่างพระราชบัญญัติที่คณะกรรมาธิการร่วมกันพิจารณาแล้วให้ถือว่าร่างพระราชบัญญัตินั้นได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา
แต่ถ้าหากสภาใดสภาหนึ่งไม่เห็นชอบด้วย ก็ให้ยับยั้งร่างพระราชบัญญัตินั้นไว้ก่อน เมื่อพ้นกำหนดเวลา 180 วัน นับแต่วันที่สภาใดสภาหนึ่งไม่เห็นชอบด้วยแล้ว สภาผู้แทนราษฎรก็อาจยกร่างพระราชบัญญัติขึ้นพิจารณาใหม่ได้
หากสภาผู้แทนราษฎรลงมติยืนยันร่างเดิม หรือร่างที่คณะกรรมาธิการร่วมกันพิจารณาด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดของสภาแล้ว ก็ให้ถือว่าร่างพระราชบัญญัตินั้นได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาแล้วให้ส่งร่างพระราชบัญญัติไปยังนายกรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการต่อไป
หลังจากส่งร่างพระราชบัญญัติไปยังนายกรัฐมนตีเพื่อทูลเกล้าฯอาจจะ ใช้ระยะเวลาเฉลี่ยมากกว่า 60 วัน รวมระยะเวลาที่ดำเนินการทางธุรการเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาด้วย
ลักษณะกฎหมายที่ใช้เวลาแก้ไข “ไม่นาน”
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา มีกฎหมายที่ สภาผู้แทนราษฏร และ วุฒิสภาพิจารณาอย่างรวดเร็วเพียงแค่ 9 วันคือ พระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ. 2561 ประกาศบังคับใช้ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว โดยมีระยะเวลาในการพิจารณา 3 วาระรวด เพียงแค่ 9 วัน หลังจากยื่นสภาผู้แทนราษฎร เมื่อ 20 พ.ค. 68 และบรรจุวาระในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อ 28 พ.ค. 68 พิจารณา 3 วาระรวดไม่มีการตั้งคณกรรมาธิการวิสามัญ และเข้าพิจารณาในวุฒิสภา เมื่อ 29 พ.ค.68 พิจารณา 3 วาระรวด เช่นกัน
ขณะที่กฎหมายที่ใช้เวลาพิจารณาประมาณ 6 เดือนไม่ถึง 1 ปี คือ ร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ใช้เวลาพิจารณา 6 เดือน โดยบรรจุวาระเมื่อ 11 ก.ย. 67 เริ่มพิจารณาวาระแรก เมื่อ 18 ก.ย. 67 และ พิจารณาวาระ 2 และวาระ 3 เมื่อว 15 ม.ค. 68 เข้ารับการพิจารณาในชั้นวุฒิสภา เมื่อ 12 มี.ค.68 และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 5 มิ.ย.68
ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. ใช้เวลาพิจารณา 7 เดือน โดยเข้ารับการพิจารณาในชั้นสภาผู้แทนราษฎร ในเมื่อ 28 ก.พ. 67 วาระ 1 และ วาระ2 พิจารณา 5 เดือน เข้าสู่วาระ 3 เมื่อ 5 ก.พ. 68 และ เข้ารับการพิจารณาในชั้น วุฒิสภา เมื่อ 10 ก.พ. 68 และพิจารณาวาระ 3 เมื่อ 8 เม.ย. 68
ส่วนพระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียม ถือเป็นกฎหมายอีกฉบับที่ใช้เวลาในการพิจารณา เพียง 1 ปี โดยเริ่มพิจารณาวาระแรก เมื่อ 21 ธ.ค. 66 และพิจารณาวาระที่สองและสามในวันที่ 27 มี.ค.67 เข้าสู่ชั้นการพิจารณาของวุฒิสภา วาระที่หนึ่ง เมื่อ 2 เม.ย.67 พิจารณาในวาระ2 และวาระ 3 เมื่อ 18 มิ.ย. 67 บังคับใช้เมื่อ 12 ส.ค. 67
ก.ม.ที่มีขัดแย้งใช้เวลาพิจารณานานเกิน 1 ปี
ขณะที่กฎหมายที่มีความขัดแย้ง จะใช้เวลาในการพิจารณานานมากกว่า 1 ปีขึ้นไป เช่น ร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด ซึ่งมีกลุ่มประชาสังคม และประชาชนจับตามอง และมีร่าง พระราชบัญญัตติที่นำเสนอสภาฯ ทั้งหมด 6 ร่างฯ ทำให้การพิจารณาใช้เวลานาน โดยร่างพระราชบัญญัติ ที่เสนอโดยรัฐบาล เข้ารับการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฏร วาระที่ 1 เมื่อ 11 ม.ค. 67 คณะกรรมาธิการวิสามัญใช้เวลาพิจารณาประมาณ 1 ปี 7 เดือนในการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ ซึ่งขณะนี้พิจารณาแล้วเสร็นในชั้นกรรมาธิการ เตรียมพิจารณาในวาระ 2 และวาระ 3 ก่อนจะนำไปสู่การพิจารณาในวุฒิสภา 3 วาระ
ส่วนร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการร่วมกันของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ใช้เวลาพิจารณามากกว่า 1 ปี โดยเข้ารับการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อ 22 ก.พ. 67 และเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2 และ 3 ในเมื่อ 25 ธ.ค. 67 และเข้าสู่การพิจารณาในชั้นวุฒิสภา เมื่อ 6 ม.ค. 68 และ 2 เม.ย.68 คณะกรรมาธิการร่วมกันของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาพิจารณาแล้วเสร็จ
ประเมินกฎหมาย 35 ฉบับอาจต้องโบกมือลา
หากพิจารณาจากกระบวนการพิจารณากฎหมาย ที่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6-8 เดือน และกฎหมายที่ใช้เวลาพิจารณานานที่สุด 2 ปี ขณะที่เวลาที่เหลือในการบริหารงานของรัฐบาลที่อาจจะอยู่ได้ครบเทอม 2 ปี หรือ อาจจะสดุดปัญหาการเมือง จนต้องยุบสภาฯก่อนครบวาระหรือไม่ดังนั้นอาจจะ มีกฎหมายอย่างน้อย 35 ฉบับที่ต้องโบกมือในสมัยรัฐบาลนี้ เนื่องจากรอบรรจุวาระ และพึ่งรับการพิจารณาในวาระ1 และ 2 อาทิ
- ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ผ่านวาระแรก
- ร่างพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .. อยู่ระหว่างบรรจุวาระเพื่อพิจารณา
- ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ..ผ่าน วาระแรก
ลุ้นกม.ดันนโยบายรถไฟ 20 บาท
ส่วนกฎหมายที่คาดว่าจะสามารถพิจารณาทันในรัฐบาลนี้ นอกจาก พ.ร.บ. งบประมาณ ปี2569 แล้ว โดยกฎหมายที่มีสิทธิ์ลุ้นในการบังคับใช่ทันรัฐบาลนี้ คือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับนโยบายรัฐบาล เช่น กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย 3 ฉบับ อาทิ
- ร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม เสนอเมื่อ 21 ม.ค. 68 และ วันพุธที่ 29 ม.ค. 2568 และการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการแล้วเสร็จเตรียมพิจารณาในวาระ 2 และวาระ 3 ซึ่งสภาผู้แทนราษฏรสามารถลงมติ 2 วาระในวันเดียวได้ก่อนเสนอเข้าสู่วุฒิสภา โดยวุฒิสภาจะใช้เวลาพิจารณา 30 วัน จึงคาดว่าจะสามารถพิจารณาได้ภายใน เดือนส.ค.68 ตามที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้
- ร่างพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) โดยเสนอแก้ไขปรับปรุงวัตถุประสงค์และอำนาจกระทำการตามวัตถุประสงค์และการออกข้อบังคับของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดทำและให้บริการเข้ารับการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อ 28 พ.ค.68 และชั้นคณะกรรมาธิการพิจารณาแล้วเสร็จ เตรียมเสนอสภาผู้แทนราษฎรในวาระ 2-3 ในเดือนก.ค.
- ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. …เป็นกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางรางเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมและพัฒนา การขนส่งและโลจิสติกส์ เสนอบรรจุวาระ เมื่อ 16 ต.ค. 67 ขณะนี้ คณะกรรมาธิการพิจารณาแล้วเสร็จ เตรียมเสนอสภาผู้แทนราษฎรในวาระ 2-3 ในเดือนก.ค.
กฎหมายออม -หวยเกษียณ มีสิทธิ์ลุ้น ?
ส่วนร่างพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ ซึ่ง กระทรวงการคลังจึงมีแนวคิดจัดทำโครงการ “หวยเกษียณ” เพื่อจูงใจให้ประชาชนออมเงินระยะยาวผ่านกลไกรางวัล โดยหวังลดปัญหาหนี้สินและส่งเสริมวินัยทางการเงินเพื่อความมั่นคงในวัยเกษียณ
จึงเสนอแก้ไข พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ เพื่อการทำนโยบายสลาก กอช. (หวยเกษียณ) โดยเสนอเข้ารับการพิจารณาในชั้นสภาผู้แทนราษฎร เมื่อ 19 มี.ค. 68 ขณะนี้ขณะนี้ คณะกรรมาธิการพิจารณาแล้วเสร็จ เตรียมเสนอสภาผู้แทนราษฎรในวาระ 2-3 ในเดือนก.ค. 68 ซึ่งหากไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง กฎหมาย “หวยเกียณ”มีสิทธิ์ลุ้นที่จะบังคับใช้ทันในสมัยรัฐบาลนี้
เพราะนี่คือ…ลักษณะการเมืองไทย?
บทสรุป : จากประสบการณ์ในอดีตเกี่ยวกับการพิจารณาร่างกฎหมาย หากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล กฎหมายที่ยัง“ค้าง”ในสภาฯ มักจะมีการเสนอกลับมา “นับหนึ่งใหม่” หากฉบับไหน “โชคดี” ก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก แต่หากฉบับไหนที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลก่อนหน้า แม้รัฐบาลต่อมาจะเป็น “พรรคการเมืองเดิม” เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หากมีการเปลี่ยนแปลงตัว “รัฐมนตรี” ก็ไม่แน่ว่าจะมีการผลักดันหรือไม่
การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมักจะกระทบต่อกระบวนการด้านกฎหมาย และมักจะกล่าวกันว่ากฎหมายของไทย “ล้าหลัง” แต่ต้องใช้เวลานานกว่าจะผลักดันออกมาแต่ละฉบับ ซึ่งจากปัญหาทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อการผลักดัน หรือ การแก้ไขกฎหมาย จนทำให้กลายเป็น “ลักษณะทางการเมืองของไทย” เมื่อมีการกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่ต้องพึ่งพาอำนาจตามกฎหมายในการพัฒนาประเทศ
อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
- สุญญากาศการเมืองอย่าทำสะดุด! งานอย่างเยอะ ต้องไปต่อ รอไม่ได้
- เช็กเงื่อนไข รถไฟฟ้าทุกสาย 20บาท เริ่มใช้ 30 ก.ย. 68
- รฟม.เปิดทางระบบตั๋วร่วม เตรียมรับ “20 บาทตลอดสาย”