ThaiPBS Logo

แก้รัฐธรรมนูญ

รัฐบาลแถลงนโยบายว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 โดยจะมีการจัดทำประชามติ ตามแนวทางของศาลรัฐธรรมนูญที่ได้วินิจฉัยมาโดยจะยึดถือเป็นหลัก

  • เริ่มนโยบาย
  • วางแผน
  • ตัดสินใจ
  • ดำเนินงาน
  • ประเมินผล

เริ่มนโยบาย

ขั้นตอนเริ่มต้นนโยบาย ประกาศนโยบายต่อสาธารณะ

วางแผน

ครม.เห็นชอบตามที่คณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ

ตัดสินใจ

อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ...

ดำเนินงาน

รัฐบาลจะจัดทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ พร้อมกับวันเลือกตั้งในปี 69 คาดว่าจะยุบสภาในเดือนม.ค. และเลือกตั้งส.ส.ในเดือน ม.ค. 69

ประเมินผล

ขั้นตอนการประเมินผลการดำเนินการตามนโยบาย

ภาพรวม

อ่านเพิ่มเติม

ความเคลื่อนไหวล่าสุด 

29 ก.ย. 68 อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย แถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยจะรับฟังแนวทาง ข้อเสนอแนะ และคำแนะนำต่าง ๆ ซึ่งการอภิปรายวันนี้ได้มีการหารือกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้เตรียมความพร้อมในการชี้แจงเรื่องต่าง ๆ ที่เป็นข้อสงสัยของสมาชิกรัฐสภา ตลอดจนรับคำแนะนำและข้อเสนอแนะที่ดีไปต่อยอดและนำไปปฏิบัติ

หากมีความตั้งใจก็จะสามารถดำเนินการได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ เช่น เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งในวันที่ 14-15 ต.ค.นี้จะมีการเสนอร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรเพื่อรับหลักการ

25 ก.ย. 68 ชูศักดิ์ ศิรินิล และนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สส.พรรคเพื่อไทย ได้ยื่นญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เพื่อเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ญัตติดังกล่าวเสนอให้มีการจัดทำประชามติ 2 ครั้ง คือครั้งแรกเพื่อขอความเห็นชอบในการมีรัฐธรรมนูญใหม่ และอีกครั้งเพื่อรับรองร่างที่แล้วเสร็จ จากนั้นจึงจะมีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) จำนวน 151 คน มาจากการคัดเลือกโดยรัฐสภา ทั้งจากผู้แทนแต่ละจังหวัด 100 คน และผู้เชี่ยวชาญอีก 51 คน เพื่อมาทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน

/ภ คำแถลงนโยบายระบุว่า “สิ่งที่สำคัญคือรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ข้อแรกคือ จะไม่ไปแตะหมวด 1 และหมวด 2 และพระราชอำนาจที่อยู่ในมาตราต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องหลัก และตั้งใจจะให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้จบภายใน 4 ปี ตามวาระรัฐบาล”

รัฐบาลตั้งเป้าหมายจะให้เสร็จสิ้นพร้อมมีกฎหมายลูกประกอบ เพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่สามารถทำได้เลย และตั้งมั่นที่จะให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่าน เพื่อนำมาใช้ให้ได้ ซึ่งก็ต้องพยายามรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย ทำให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นประชาธิปไตยให้ได้มากที่สุด สามารถที่จะลดความขัดแย้ง ไม่อยากให้การสร้างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นการสร้างความขัดแย้งใหม่ให้เกิดขึ้นและไม่ให้มีข้อถกเถียงที่แตกต่างกัน เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ และคิดว่าการทำรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย จำเป็นต้องมีวิวัฒนาการและเป็นจุดเริ่มต้นของการเลือกตั้งที่ดี

ข้อแตกต่างระหว่างสองพรรคการเมืองใหญ่ เพื่อไทย-ก้าวไกล

พรรคเพื่อไทย มีนโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีเป้าหมายผลักดันให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย ขจัดการสืบทอดอำนาจเผด็จการ สร้างความเป็นธรรมให้ประชาชน

  • • จัดทำ “รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน” โดยคงรูปแบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนและผ่านขั้นตอนการออกเสียงลงประชามติโดยประชาชน
  • • “ปฏิรูประบบราชการทั้งระบบ” ให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว และมีความโปร่งใส
  • • ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เพื่อความโปร่งใส คำนึงถึงหลักนิติธรรม “สร้างกระบวนการยุติธรรมที่ซื้อไม่ได้”
  • • ปรับปรุงยกเลิกกฎหมายทั้งหมดตามความจำเป็นลดกฎหมาย ลดขั้นตอน ลดการใช้ดุลยพินิจ
  • • กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับองค์กรอิสระต้องมีความเป็นอิสระ มีการคานอำนาจและมีความโปร่งใส
  • • ปฏิรูปกองทัพเป็นทหารมืออาชีพ ป้องกันการก้าวก่ายแทรกแซงทางการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดิน ให้มีความเป็นทหารอาชีพ และแก้ไขกฎหมายยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ให้เข้ารับราชการทหารโดยสมัครใจ
  • • เสนอกฎหมายป้องกันต่อต้านการรัฐประหาร
  • • กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น จัดการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดนำร่อง

ส่วนพรรคก้าวไกล ระบุถึงเหตุผลในการแก้ไขรัฐบาลว่ารัฐธรรมนูญในฐานะกฎหมายสูงสุดของประเทศ รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 เป็นต้นตอของปัญหาการเมืองไทย เพราะมีที่มา กระบวนการ และเนื้อหา ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย หากแต่ออกแบบมาเพื่อสืบทอดอำนาจคณะรัฐประหารและระบอบประยุทธ์ อีกทั้งยังถูกเขียนโดยคนไม่กี่คนที่ คสช. แต่งตั้งอันเป็นผลให้เนื้อหาของรัฐธรรมนูญ 2560 มีการขยายอำนาจของสถาบันทางการเมืองที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน แต่ยึดโยงกับ คสช. และถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจ

นอกจากนั้นแล้วกระบวนการประชามติในปี 2559 ไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานประชาธิปไตย เพราะไม่ได้เปิดให้ทั้งสองฝ่ายรณรงค์ได้อย่างเท่าเทียมกัน มีคำถามพ่วงที่กำกวมและชี้นำ และเกิดขึ้นในสภาวะที่ประชาชนถูกบีบว่าหากไม่รับร่าง คณะรัฐประหารจะอยู่ในอำนาจต่อและจะไม่มีการเลือกตั้ง

ข้อเสนอ

  • ร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยมีเนื้อหาที่ครอบคลุมอย่างน้อย 3 ด้าน
  • ปิดช่องรัฐประหาร เพื่อไม่ให้รัฐธรรมนูญถูกฉีกได้ง่าย
  • เพิ่มสิทธิของประชาชนในการต่อต้านรัฐประหาร และ กำหนดให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะรัฐประหาร
  • ห้ามศาลทั้งปวงรับรองรัฐประหาร และกำหนดให้ทุกสถาบันทางการเมืองมีหน้าที่ร่วมกันในการปกป้องประชาธิปไตย
  • ห้ามนิรโทษกรรมคณะรัฐประหาร และ เปิดช่องให้ประชาชนดำเนินคดีกับผู้ก่อรัฐประหารในความผิดฐานกบฎได้
  • ปกป้องเสียงของประชาชน ผ่านการรื้อกลไกที่ถูกใช้ในการสืบทอดอำนาจ
  • ยกเลิกวุฒิสภาของ คสช. ทำให้รัฐสภาเป็นของประชาชน อำนาจ-ที่มามีความชอบธรรม
  • ยกเครื่องศาลรัฐธรรมนูญ-องค์กรอิสระ ทำให้เป็นกลาง มีระบบตรวจสอบที่ยึดโยงกับประชาชน
  • ยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อให้นโยบายเท่าทันโลก และกำจัดข้ออ้างในการไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
  • ปลดล็อกท้องถิ่น เพื่อให้อำนาจในการกำหนดอนาคตของทุกพื้นที่ทุกจังหวัด อยู่ในมือของประชาชนผู้เกิด-ผู้อาศัย-ผู้ใช้ชีวิตในพื้นที่ ไม่ใช่ส่วนกลาง

เมื่นที่ 25 ธ.ค. 2566 ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 แถลงผลประชุมฯ ว่า

  • จะถามคำถามเดียวว่า “ท่านเห็นชอบหรือไม่ที่จะมีการจัดทำ รธน. ฉบับใหม่ โดยไม่แก้ไขหมวด 1 บททั่วไป หมวด 2 พระมหากษัตริย์”
  • ทำประชามติ 3 รอบ
    • 1. การทำประชามติถามประชาชนว่าเห็นด้วยกับการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ (ก่อนแก้ไข)
    • 2. การทำประชามติตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 256
    • 3. การทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ (หลังยกร่างฉบับใหม่ ก่อนทูลเกล้าฯ ถวาย)
  • คณะกรรมการจะนำข้อสรุปที่ได้เสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือน ม.ค. 2567 หรือภายในไตรมาศแรกของปี 2567 ต่อไป
  • ที่มาของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) การออกแบบที่มาของสสร. ขึ้นอยู่กับกระบวนการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในรัฐสภา
  • งบประมาณ คาดว่าการทำประชามติแต่ละครั้งใช้งบประมาณ 3,000 ล้านบาท

ลำดับเหตุการณ์

  • บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี แจงรัฐสภาการแก้รัฐธรรมนูญ จะเพิ่มหมวด 15/1 เพื่อการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เปิดทางตั้ง ส.ส.ร. ทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เชื่อ 2 พรรคใหญ่ไม่แตะหมวด 1-2  ดูเพิ่มเติม ›

    29 ก.ย. 2568

  • อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา จะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญต่

    29 ก.ย. 2568

  • ชูศักดิ์ ศิรินิล และนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สส.พรรคเพื่อไทย ได้ยื่นญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เพื่อเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

    25 ก.ย. 2568

  • อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ระบุว่ารัฐบาลจะจัดให้มีการทำประชามติรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ในวันลงคะแนนเลือกตั้ง สส.ทั่วไปในปี 69 คาดว่าจะยุบสภาในเดือนม.ค. 69  ดูเพิ่มเติม ›

    24 ก.ย. 2568

  • ภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่าขณะนี้ร่างแก้ไขธรรมนูญ มาตรา 256 เสร็จแล้ว โดยกำลังให้สส.ร่วมลงชื่อเพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และได้หารือกับพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว

    22 ก.ย. 2568

  • พรรคประชาชนยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อประธานสภาฯ เสนอให้มี 2 กลไกคู่ขนาน ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม

    22 ก.ย. 2568

  • ศาล รธน.ชี้สภามีอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ได้ โดยต้องทำประชามติ 3 ครั้ง  ดูเพิ่มเติม ›

    10 ก.ย. 2568

  • พรรคประชาชน โหวต นายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของประเทศไทย หลังลงนาม MOA ภายใต้เงื่อนไขเวลา 4 เดือนยุบสภาตามสัญญา และทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ

    5 ก.ย. 2568

  • ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5:3 รับคำร้องวินิจฉัย อำนาจรัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญ  ดูเพิ่มเติม ›

    9 เม.ย. 2568

  • รัฐสภามีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และจำนวนครั้งประชามติ เห็นชอบ 303 เสียง ไม่เห็นด้วย 151 เสียง งดออกเสียง 120 เสียง และไม่ลงคะแนน 1 เสียง

    17 มี.ค. 2568

  • วันที่สองการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 มีสมาชิกเข้าร่วม 175 คน ไม่ครบองค์ประชุม วันมูหะมัดนอร์ ประธานสภา สั่งปิดการประชุมทันที  ดูเพิ่มเติม ›

    14 ก.พ. 2568

  • วันแรกการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 เพื่อเปิดทางร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ขณะที่พรรคภูมิใจไทยและส.ว. วอล์กเอาท์ อ้างขัดคำวินิจฉัยศาล ต้องยุติการประชุม

    13 ก.พ. 2568

  • วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้บรรจุระเบียบวาระประชุมรัฐสภาวันที่ 13 และ 14 ก.พ. พิจารณาแก้ไข ม.256 ตั้ง สสร. และตัดเงื่อนไขเสียง สว. เพื่อเปิดทางยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่  ดูเพิ่มเติม ›

    6 ก.พ. 2568

  • ที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย มีมติเลื่อนการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมไปอีก 1 เดือนจากกำหนดเดิม 14-15 ม.ค. เป็น 13-14 ก.พ.นี้

    8 ม.ค. 2568

  • ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ลงมติไม่เห็นชอบกับร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ที่คณะกรรมาธิการร่วมกันพิจารณาเสร็จแล้ว ด้วยคะแนน 326 ต่อ 61 งดออกเสียง 1 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง

    18 ธ.ค. 2567

  • สมาชิกวุฒิสภา (สว.) มีมติเห็นชอบ 153 ต่อ 24 กับ ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ด้วยการใช้เสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่ง 2 ชั้น   ดูเพิ่มเติม ›

    17 ธ.ค. 2567

  • วันมูหะหมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าธ.ค.นี้สภาฯถกแก้รธน. บรรจุร่างครบ 14 ฉบับ  ดูเพิ่มเติม ›

    29 พ.ย. 2567

  • ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า แม้การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับภายในรัฐบาลชุดนี้อาจไม่ทัน แต่พรรคก็จะผลักดันให้มีการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)  ดูเพิ่มเติม ›

    25 พ.ย. 2567

  • นายนิกร จำนง ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) คาดแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ทันการเลือกตั้งครั้งหน้า เหตุกระบวนการล่าช้า

    31 ต.ค. 2567

  • วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร เผยรัฐสภาร่วมถกแก้รัฐธรรมนูญสมัยประชุมหน้า ต้น ธ.ค.67 ยันการแก้ไข ม.256 - องค์อิสระตามรัฐธรรมนูญ ต้องทำประชามติก่อน  ดูเพิ่มเติม ›

    28 ต.ค. 2567

  • นิกร จำนง กรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ฝ่ายสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าการทำประชามติเพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ทันในช่วงเดียวกันกับเลือกท้องถิ่นในก.พ.68

    22 ต.ค. 2567

  • สภาผู้แทนราษฎร ลงมติไม่เห็นด้วยที่วุฒิสภา ใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น ทำประชามติ  ดูเพิ่มเติม ›

    9 ต.ค. 2567

  • แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่าต้องมีการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งจะมีการพูดคุยกันนอกรอบ เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ  ดูเพิ่มเติม ›

    1 ต.ค. 2567

  • พริษฐ์ วัชรสินธุ ระบุว่าพรรคประชาชนขอพักการผลักดันร่างรัฐธรรมนูญเรื่องมาตรฐานจริยธรรมไว้ก่อน จนกว่าจะทำงานเชิงความคิดกับพรรคร่วมรัฐบาลได้มากขึ้น แต่จะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญและแก้มาตราในประเด็นอื่น

    26 ก.ย. 2567

  • ไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เตรียมผลักดันแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 256 นำไปสู่การตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ยกร่างทั้งฉบับ ยกเว้นหมวด 1-2

    24 ก.ย. 2567

  • ที่ประชุมส.ส.พรรคเพื่อไทยระบุจะไม่ผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นจริยธรรม เพราะเป็นข้อเสนอของพรรคการเมืองใหญ่ในรัฐบาลเสนอมา

    24 ก.ย. 2567

  • วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ระบุว่า จะมีการประชุมวิป 3 ฝ่าย คือ วิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน วิปวุฒิสภา เพื่อพิจารณากรอบการประชุมแก้รัฐธรรมนูญ หลังจากที่ประธานรัฐสภาได้บรรจุระเบียบวาระไปแล้ว เพื่อที่จะ  ดูเพิ่มเติม ›

    23 ก.ย. 2567

  • วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เลื่อนพิจารณาวาระแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไปจากวันที่ 25 ก.ย. เหตุมีการเสนอขอแก้เข้ามาเพิ่มเติม คาดไม่เกินกลางเดือนต.ค.

    19 ก.ย. 2567

  • พรรคเพื่อไทยยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมรายมาตรา ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและการใช้อำนาจขององค์กรอิสระ  ดูเพิ่มเติม ›

    19 ก.ย. 2567

  • พรรคประชาชนยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมรายมาตรา ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและการใช้อำนาจขององค์กรอิสระ  ดูเพิ่มเติม ›

    17 ก.ย. 2567

  • นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่าการแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราเกี่ยวกับจริยธรรมนักการเมือง เป็นเรื่องพูดคุยกันในรัฐสภา

    17 ก.ย. 2567

  • นายกฯ แพทองธาร แถลงนโยบายของ ครม. ต่อรัฐสภาว่า “รัฐบาลจะเร่งจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นโดยเร็วที่สุด โดยยึดโยงกับประชาชนและหลักการของประชาธิปไตย   ดูเพิ่มเติม ›

    12 ก.ย. 2567

  • ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ทั้ง 4 ฉบับ ด้วยคะแนนเห็นด้วย 450 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง   ดูเพิ่มเติม ›

    18 มิ.ย. 2567

  • ครม.อนุมัติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....และกฎหมายลำดับรองประกอบ  ดูเพิ่มเติม ›

    28 พ.ค. 2567

  • ครม. พิจารณารายงานผลการดำเนินงานของ คกก. เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560  ดูเพิ่มเติม ›

    23 เม.ย. 2567

  • ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง กรณีที่ประชุมรัฐสภาส่งเรื่องขอให้วินิจฉัยเมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2567

    17 เม.ย. 2567

  • ที่ประชุมรัฐสภามีมติส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้วินิจฉัยว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย สสร. ที่มาจากการเลือกตั้ง รัฐสภาสามารถลงมติพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญได้เลยหรือต้องทำประชามติก่อน

    29 มี.ค. 2567

  • พรรคก้าวไกลยื่นญัตติ ศึกษาขอบเขตอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ

    6 มี.ค. 2567

  • ส.ส. พรรคเพื่อไทย ลงชื่อเสนอญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ม.256 ลดการทำประชามติรัฐธรรมนูญเหลือเพียง 2 ครั้ง  ดูเพิ่มเติม ›

    22 ม.ค. 2567

  • วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ระบุสถานการณ์การเมืองปี 2567 เรื่องแก้รัฐธรรมนูญจะเป็นประเด็นใหญ่

    27 ธ.ค. 2566

  • คกก.ประชามติ ได้ข้อสรุปว่า จะถามคำถามประชามติคำถามเดียวใจความว่า “ท่านเห็นชอบหรือไม่ให้มีการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยไม่แก้ไข หมวด 1 บททั่วไป หมวด 2 พระมหากษัตริย์” และจะเสนอครม. ช่วงไตรมาศแรกของปี 2567

    25 ธ.ค. 2566

  • รัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยรับฟังความเห็นจากกลุ่มตัวอย่างทั้ง 4 ภาคเสร็จสิ้นแล้ว

    10 ธ.ค. 2566

  • คกก.ประชามติหารือกับประชาชน 15 กลุ่ม

    15 พ.ย. 2566

  • คกก.ประชามติหารือกับพรรคก้าวไกล

    14 พ.ย. 2566

  • คกก.ประชามติหารือกับเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ทำเนียบรัฐบาล ทั้งนักเรียน นักศึกษาที่มีอายุเกิน 18 ปี

    8 พ.ย. 2566

  • คกก.ประชามติหารือกับกรรมาธิการพัฒนาการเมือง สภาผู้แทนรษฎร

    2 พ.ย. 2566

  • คกก.ประชามติหารือกับกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา

    30 ต.ค. 2566

  • นายกฯ แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติฯ

    3 ต.ค. 2566

  • สมัชชาคนจน เผยแพร่ (ร่าง) รัฐธรรมนูญคนจน  ดูเพิ่มเติม ›

    22 ต.ค. 2565

รายละเอียด

ความสำเร็จของนโยบาย

เชิงโครงการ

รัฐธรรมนูญฉบับใหม่
รัฐธรรมนูญใหม่ประกาศใช้ตามกำหนดเวลาใน 4 ปี ตามวาระของรัฐบาล

เชิงกระบวนการ

เปิดรับฟังความคิดเห็น
คณะกรรมการฯเดินสายรับฟังความคิดเห็นของคนกลุ่มต่าง ๆ คาดว่าจะสามารถรวบรวมความคิดเห็นได้ภายในปีนี้

เชิงการเมือง

ลดความขัดแย้งทางการเมือง
การแก้ไขรัฐธรรมนูญตามกฎหมาย คาดว่าจะทำให้เกิดความชอบธรรมในการแก้ไขและลดปัญหาความขัดแย้งอันเนื่องจากรัฐธรรมนูญได้

บทความ

ดูทั้งหมด
ข้อควรพิจารณาเกี่ยวกับประชามติ

ข้อควรพิจารณาเกี่ยวกับประชามติ

หนึ่งในนโยบายสำคัญที่รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูลแถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 29–30 กันยายน 2568 คือการจัดให้มีการออกเสียงประชามติในสองประเด็นใหญ่ ได้แก่ การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และ การยกเลิกข้อตกลงร่วม (MoU) ระหว่างไทยกับกัมพูชา

รัฐบาลเสียงข้างน้อย ในมุมมองเชิงเปรียบเทียบ

รัฐบาลเสียงข้างน้อย ในมุมมองเชิงเปรียบเทียบ

“รัฐบาลเสียงข้างน้อย” เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ค่อยปรากฏบ่อยนักในการเมืองไทย แต่กลับพบได้ในหลายประเทศทั่วโลก โดยมีทั้งตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลว

ทำให้เสียงประชาชน มี 'ความหมาย' ไม่ใช่แค่พิธีกรรม

ทำให้เสียงประชาชน มี 'ความหมาย' ไม่ใช่แค่พิธีกรรม

บางครั้งการออกแบบการพัฒนาที่สร้างความเจริญ อาจกลายเป็นการละเลยสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของคนในท้องถิ่น การแก้กฎหมายเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมได้ในทุกระดับ จะช่วยนำพาไปสู่การพัฒนาที่ตอบโจทย์และยั่งยืน เพราะหากเศรษฐกิจไม่นำมาซึ่งความมั่นคงแห่งชีวิตในท้องถิ่น การพัฒนาก็ไม่มีความหมาย

แก้รัฐธรรมนูญ ต้องประชามติ 3 ครั้ง ประชาชนเลือกสสร.ไม่ได้

แก้รัฐธรรมนูญ ต้องประชามติ 3 ครั้ง ประชาชนเลือกสสร.ไม่ได้

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ ให้รัฐสภามีอำนาจแก้ไขรัฐธรรมนูญ และกำหนดให้มีประชามติ 3 ครั้ง "ให้จัดทำประชามติ-ประชามติเนื้อหา-ประชามติร่างใหม่" โดยครั้งแรกและครั้งที่ 2 ทำพร้อมกันได้ แต่ประชาชนไม่สามารถเลือกสภาร่างรัฐธรรมนูญ

การเมืองพลิกขั้ว นโยบายเพื่อไทย ไปต่อ หรือ พอก่อน?

การเมืองพลิกขั้ว นโยบายเพื่อไทย ไปต่อ หรือ พอก่อน?

ท่ามกลางบรรยากาศรอติดตามว่าใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมือง ที่แต่ละพรรคต่างขับเคี่ยวชิงไหวชิงพริบกันอย่างดุเดือด 'ประชาชน' จำนวนไม่น้อยกลับรอดลุ้นดูท่าทีว่านโยบายที่พวกเขาต้องการจะถูกผลักดันต่อไปหรือไม่หากรัฐบาลต้องเปลี่ยนขั้วขึ้นมาจริง ๆ

องค์กรอิสระ: ความสำเร็จ ความล้มเหลว และบทเรียน

องค์กรอิสระ: ความสำเร็จ ความล้มเหลว และบทเรียน

แนวคิดว่าด้วยองค์กร ซึ่งทำหน้าที่ป้องกันการใช้อำนาจในทางที่มิชอบนั้นแม้มีมาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตาม แนวคิดดังกล่าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญเมื่อระบอบรัฐธรรมนูญและการเมืองแบบตัวแทนกลายมาเป็นรูปแบบทางการปกครองรูปแบบหลักในช่วงปลายศตวรรษที่สิบแปดและต้นศตวรรษที่สิบเก้า เป็นต้นมา