ครม.อนุมัติงบประมาณ 7,125.63 ล้านบาท ในมาตรการ EV3 ที่ยังคงค้างจ่ายก้อนสุดท้าย เพื่อสนับสนุนการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 150,000 ล้านบาท หวังผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค
ยุโรปและญี่ปุ่น มีระบบจัดการซากรถยนต์และแบตเตอรี่ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ สามารถควบคุมขยะอันตรายไม่ให้หลุดรอดออกไปกระทบสิ่งแวดล้อม ขณะที่ไทยกำลังจะเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แต่กลับไม่มีกฎหมายควบคุมชากรถและแบตเตอรี่ เพื่อจัดการขยะอันตรายที่จะเพิ่มขึ้นในประเทศ
ตลาดรถยนต์ในไทยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากรัฐบาลออกมาตรการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ตลาดเกิด "ผู้รายใหม่และใหญ่" จากจีน แต่ด้วยปัจจัยต่าง ๆ ทำให้ผู้ซื้อมีการตัดสินใจต่างกันในการใช้รถยนต์ แต่ปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ คือ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
ความปั่นป่วนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในช่วงที่ผ่านมา ทั้งการปิดโรงงานในไทยของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น มาจนถึงยอดขายตกต่ำ และ การหั่นราคาของยักษ์ใหญ่รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนอย่าง BYD ชี้ให้เห็นว่าตลาดรถยนต์ของไทยกำลังถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ เมื่อมียักษ์ใหญ่รายใหม่เข้ามาอย่างจีน
รถยนต์อีวีใช้พลังงานจากไฟฟ้าที่มีราคาถูกกว่าน้ำมัน ทำให้ได้รับความนิยมเป็นวงกว้างทั่วโลก แต่การตัดสินใจซื้อรถอีวีควรมองหลาย ๆ ด้าน เพราะมีต้นทุนแฝง ที่จะเป็นภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ใช้รถในอนาคต
นโยบายสนับสนุนให้ใช้รถยนต์อีวีของรัฐบาลไทย เปิดทางให้รถอีวีสัญชาติจีนทะลักเข้ามาขายในประเทศอย่างหนัก และกำลังเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยแบบรุนแรงตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เนื่องจากฐานผลิตในประเทศยังเป็นรถสันดาป เอฟทีเอเอื้อรถอีวีจีนนำเข้าราคาถูก และไทยยังไม่มีแหล่งแร่สำคัญที่ใช้ผลิตแบตเตอรี่
การมาของรถยนต์ไฟฟ้า กำลังส่งผลกระทบหลายด้านต่ออุสาหกรรม นอกจากกระทบต่อรถยนต์ใช้น้ำมันแล้ว ยังกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับรถยนต์ใช้น้ำมัน โดยคาดว่าศูนย์บริการจะได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก หากคนนิยมใช้รถอีวีมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งคาดว่าในปีนี้ จะมีสัดส่วนเกือบ 27% ของยอดขายรถยนต์นั่ง
เพียงไม่กี่ปีหลังรัฐบาลออกมาตรการส่งเสริม ไทยก็กำลังก้าวสู่ยุค "รถยนต์ไฟฟ้า" อย่างแท้จริง เมื่อยอดจำหน่ายในปีที่ผ่านมาพุ่งขึ้นเกือบ 700% รวม 76,538 คัน คิดเป็น 11.6% ของยอดจำหน่ายรถยนต์ทั้งหมด ขณะที่แบรนด์จากจีนกวาดส่วนแบ่งตลาด