เศรษฐกิจไทยพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวในสัดส่วนที่สูงมาก โดยมีสัดส่วนคิดเป็นราว ๆ 20% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ดังนั้น รัฐบาลจึงเน้นไปที่การส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อเป็นอีกทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
ที่ผ่านมา รัฐบาลแต่ละยุคมีนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวแตกต่างกัน อย่างเช่น มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจากคนไทย ก็มักจะประกาศวันหยุดเพิ่มในช่วงเสาร์-อาทิตย์ ทำให้มีวันหยุดยาวต่อเนื่อง ทำให้กลายเป็นประเพณีไปแล้ว แต่หากมีเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็มักจะออกมาตรการจูงใจ เช่น ลดค่าธรรมเนียม หรือ ฟรีวีซา หรือเงื่อนไขอื่น ๆ
แต่จะรู้ได้อย่างไรว่ามาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวได้ผล และเป็นไปตามเป้าหมายในการสร้างรายได้ให้กับประเทศ รวมถึงทำให้ธุรกิจโรงแรมที่พักและบริการต่าง ๆ มีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
สำหรับ พ่อค้าแม่ค้าทั่วไป รวมถึงธุรกิจใหญ่ ๆ จะสำรวจด้วยตัวเองไม่ยาก เพราะดูยอดขายและรายได้เข้ากระเป๋าในแต่ละวันก็จะรู้ว่าดีแค่ไหน แต่หากเป็นหน่วยงานที่ดูแลด้านนโยบายของประเทศก็มีความจำเป็นต้องดูภาพรวม เพื่อประเมินนโยบายแต่ละปีว่าจำเป็นต้องมีมาตรการเพิ่มเติมหรือไม่ และมีเป้าหมายกระตุ้นการท่องเที่ยวจากที่กลุ่มไหนเป็นพิเศษ
หน่วยงานที่ทำหน้าที่ติดตามตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวและประมาณการรายได้ คือ กระทรวงท่องเที่ยวและการกีฬา ซึ่งมีสูตรคำนวณเฉพาะ โดยใช้แนวทางของ IRTS 2008 ในการจัดทำสถิติท่องเที่ยวของ UN Tourism (IRTS 2008 คือ International Recommendations for Tourism Statistics 2008)
วิธีการคำนวณรายได้การท่องเที่ยว
รายได้ด้านการท่องเที่ยว มีสูตรคำนวณไม่ได้ซับซ้อนมาก หากมีข้อมูล 3 ตัวที่แน่ชัด
รายได้ = จำนวนนักท่องเที่ยว (คน) x วันพักเฉลี่ย (วัน) x ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อวัน (บาท)
การจัดเก็บสถิตินักท่องเที่ยวระหว่างประเทศ มีแหล่งที่มาของข้อมูล คือ
1. จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มาจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ส่งข้อมูลผู้เดินทางผ่านแดน รายวัน/รายเดือน (จำแนกตามประเภทวีซ่า ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการท่องเที่ยว)
2. วันพักเฉลี่ย มาจากการสำรวจ ณ จุดเดินทางออกนอกประเทศ (Exit point) / ในอดีตประมวลผลกับบัตร ตม.6 แต่ปัจจุบันมีการยกเลิกเป็นการชั่วคราว (ยกเลิกบัตร ตม.6 เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 65)
3. ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริป มาจากการสำรวจ ณ จุดเดินทางออก นอกประเทศ (Exit point)
4. ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อวัน = ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริป/วันพักเฉลี่ย
การจัดเก็บสถิตินักท่องเที่ยวภายในประเทศ มีแหล่งที่มาของข้อมูล คือ
1. จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ สำรวจจำนวนคนที่เข้าพักในสถานพักแรม(ชาวไทย/ชาวต่างชาติ) และสำรวจภาคสนาม เพื่อหาสัดส่วนของคนที่เข้าพักในสถานพักแรม เช่น โรงแรม เกสต์เฮาส์ บ้านเพื่อน บ้านญาติ และนักทัศนาจร (ไม่ค้างคืน)
2. วันพักเฉลี่ย การลงสำรวจภาคสนามเพื่อสำรวจพฤติกรรมการเดินทางและการใช้จ่าย
3. ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริป การลงสำรวจภาคสนามเพื่อสำรวจพฤติกรรมการเดินทางและการใช้จ่าย
4. ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อวัน = ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริป/วันพักเฉลี่ย
สถิติมีความถูกต้องแค่ไหน
จากสูตรการคำนวณข้างต้น ทำให้ตัวเลขจากการท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่เป็นคนไทยและรายได้จากการท่องเที่ยว มีความคลาดเคลื่อนอยู่บ้าง ทำให้บางหน่วยงานที่ใช้สถิติตัวเลขจากภาคท่องเที่ยว นำตัวเลขไปใช้ แต่มีการประมวลจากข้อมูลของตัวเอง อย่างเช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
อย่างเช่น กรณีสถิติการท่องเที่ยวในปี 2567 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ระบุว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวไทย 35.54 ล้านคน มีรายได้รวม 1.67 ล้านล้นบาท ในขณะที่ ธปท. มีการนำมาคำนวณใหม่ ระบุว่านักท่องเที่ยวต่างชาติมีประมาณ 36 ล้านคน และ มีรายได้รวม 1.4 ล้านล้านบาท
ดังนั้น ผลจากรายได้ท่องเที่ยวต่อเศรษฐกิจส่วนอื่น ๆ มักจะมีการนำข้อมูลด้านอื่นมาประกอบคำอธิบายด้วย อย่างเช่น รายได้จากการจัดเก็บภาษามูลค่าเพิ่ม รายได้ภาคบริการอื่น ๆ แต่ถึงอย่างไร สถิติตัวเลขจากกระทรวงท่องเที่ยวและการกีฬา ก็ถือว่าเป็นสถิติที่ใช้อ้างอิงกันโดยทั่วไป
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่คาดหวังว่าสถิติต่าง ๆ จะมีความถูกต้อง 100% คงต้องรอการจัดเก็บข้อมูลที่ละเอียดกว่านี้ ซึ่งเป็นเรื่องในอนาคต แต่หากใครที่ต้องการข้อมูลที่ประเมินให้เห็นภาพออกมาได้ ก็สามารถนำไปใช้ได้ ทั้งนี้ขึ้นกับว่าจะนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อะไร
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง:
ฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวเสื่อมโทรม อีกโจทย์ใหญ่ซอฟต์พาวเวอร์