แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของปริมาณขยะมูลฝอย จากพฤติกรรมการบริโภค เช่น การสั่งอาหารออนไลน์ และการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยว ส่งผลให้ภาครัฐต้องผลักดันนโยบายเพื่อจัดการกับปัญหาขยะล้นเมือง โดยหนึ่งในนโยบายหลักคือ การนำขยะไปแปรรูปเพื่อผลิตพลังงาน เช่น การแปรรูปขยะมูลฝอยเป็นเชื้อเพลิงขยะ RDF (Refuse Derived Fuel) วิธีนี้ไม่เพียงช่วยลดปริมาณขยะคงค้าง แต่ยังนำขยะกลับมาใช้เป็นทรัพยากรในการผลิตพลังงานอีกด้วย
เชื้อเพลิงขยะ RDF (Refuse Derived Fuel) คือ เชื้อเพลิงแข็งจากการแปรรูปขยะมูลฝอยผ่านกระบวนการอัดแท่ง และการปรับปรุงคุณสมบัติ เช่น ค่าความร้อน ขนาด ความชื้น ความหนาแน่น ให้เหมาะสมต่อการนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงต่อไป โดยผู้ใช้เชื้อเพลิง RDF จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ ภาคไฟฟ้า เพื่อนำไปผลิตกระแสไฟฟ้า และภาคอุตสาหกรรม สำหรับผลิตพลังงานความร้อน หรือเผาร่วมกับถ่านหิน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาคการเผาไหม้และลดการใช้งานของถ่านหิน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ออกบทวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ความต้องการ RDF ที่ใช้ผลิตไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นตามการส่งเสริมของภาครัฐที่มีการตั้งอัตราการรับซื้อไฟฟ้าจากขยะสูงกว่าพลังงานทดแทนประเภทอื่น ๆ การเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชน 282.98 เมกะวัตต์ ในช่วงปี 2568-2569 มีอัตรารับซื้ออยู่ที่ 3.66 – 5.78 บาท/หน่วย ในขณะที่พลังงานแสงอาทิตย์และลมที่มีอัตรารับซื้ออยู่ที่ 2.22 บาท/หน่วย และ 3.10 บาท/หน่วย ตามลำดับ
อัตรารับซื้อไฟที่สูงกว่านี้ได้ดึงดูดผู้ประกอบการมาลงทุนในโรงไฟฟ้าขยะชุมชนมากขึ้น ทำให้คาดว่าความต้องการ RDF จะเพิ่มสูงแตะระดับ 6 ล้านตัน ในปีหน้า
ขณะที่ในปี 2580 ความต้องการ RDF สำหรับภาคไฟฟ้าจะมีสูงขึ้นมากถึง 15 ล้านตัน ตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทน และพลังงานทางเลือก พ.ศ 2567-2580 (ร่างแผน AEDP 2024) ที่มีเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชน 1,142 เมกะวัตต์ แต่ปัจจุบัน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ยังไม่มีแผนเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนเพิ่มเติมจากข้างต้น แต่ได้เตรียมการที่จะเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมเพิ่มอีก 30 เมกะวัตต์ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ขยะอุตสาหกรรมที่ผลิตในโรงงาน จึงไม่กระทบความต้องการ RDF จากขยะชุมชน
คาดว่าในปี 2569 การใช้ถ่านหินในการผลิตพลังงานความร้อนจะลดลง 6.6% ในขณะที่การใช้ RDF จะเพิ่มขึ้นราว 3 แสนตัน แม้ว่าต้นทุนการใช้ RDF ในการผลิตพลังงานความร้อนจะสูงกว่าถ่านหิน แต่ด้วยมาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรป (EU) ที่เก็บค่าธรรมเนียมสินค้าที่ปล่อยคาร์บอนสูง ทำให้อุตสาหกรรมการผลิตที่ปล่อยคาร์บอนเยอะ เช่น ปูนซีเมนต์ จำเป็นต้องปรับตัวเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน
การเติบโตของปริมาณขยะมูลฝอยในประเทศอาจไม่เพียงพอสำหรับความต้องการ RDF ในอนาคต โดยจากจำนวนขยะมูลฝอยทั้งหมด มีเพียง 35% หรือ ราว 9.5 ล้านตัน ที่สามารถนำไปแปรรูปเป็น RDF ได้ และขยะที่เหลือจะเป็นส่วนที่ไม่เหมาะสำหรับแปรรูปเป็น RDF หรือ ถูกนำไปรีไซเคิล โดยในปี 2567 กว่า 82% ของขยะมูลฝอยที่สามารถนำไปแปรรูปเป็น RDF ได้ถูกนำไปผลิตจริงแล้ว
ดังนั้น การเติบโตของขยะมูลฝอยของประเทศไทยอาจจะไม่เพียงพอที่จะรองรับการเติบโตของความต้องการ RDF ทั้งในภาคไฟฟ้า และภาคผลิตพลังงานความร้อน ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ทำให้ในระยะข้างหน้า การคัดแยกและรวบรวมขยะอย่างถูกต้องเป็นประเด็นสำคัญที่จะต้องผลักดันเพื่อที่จะเพิ่มปริมาณขยะมูลฝอยที่สามารถแปรรูปเป็น RDF ได้
ความเสี่ยงเชื้อเพลิงขยะ
ความต้องการเชื้อเพลิงขยะ RDF ในภาคการผลิตไฟฟ้ามีความไม่แน่นอน เนื่องจากขึ้นอยู่กับนโยบายของภาครัฐ พลังงานจากขยะยังต้องแข่งขันกับพลังงานสะอาดประเภทอื่น ๆ ที่ภาครัฐอาจสนับสนุนมากกว่า เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งมีต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยต่ำกว่าถึงเท่าตัว
ห่วงโซ่อุปทานของเชื้อเพลิงขยะต้องอาศัยการประสานงานระหว่างหลายหน่วยงานของภาครัฐ เช่น การจัดเก็บขยะอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงมหาดไทย ส่วนการกำหนดนโยบายการรับซื้อพลังงานเป็นหน้าที่ของกระทรวงพลังงาน เป็นต้น ดังนั้นการทำงานร่วมกันของหลายหน่วยงานนี้จำเป็นต้องมีความสอดคล้อง เพื่อสนับสนุนความพร้อมของอุปทาน RDF ในภาคพลังงาน
ธุรกิจเชื้อเพลิงขยะ RDF อาจเผชิญความเสี่ยงจากการที่ปริมาณขยะมูลฝอยถูกนำไปรีไซเคิลมากขึ้น แทนที่จะถูกนำไปแปรรูปเป็นพลังงาน สำหรับประเทศไทย ระหว่างปี 2556-2566 อัตราการเติบโตของขยะที่ถูกรีไซเคิลสูงกว่าการรวบรวมขยะเพื่อผลิตพลังงานถึง 3.0%
การเติบโตของธุรกิจ RDF อาจไม่ยั่งยืนในระยะยาว เนื่องจากกระบวนการผลิตพลังงานจากขยะมักมาจากการเผาไหม้ ซึ่งมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทำให้พลังงานขยะอาจถูกลดบทบาทได้ในอนาคตจากข้อกำหนดสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่สหราชอาณาจักรจะนำพลังงานขยะเข้าสู่ระบบสิทธิการซื้อขายใบรับรองการปล่อยคาร์บอน ในปี 2571 (หมายความว่าพลังงานขยะจะถูกควบคุมและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก) ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลด้านมลพิษจากพลังงานขยะ
ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย โดยธนพร เพชรจิรพงศ์ นักวิจัย
อ่านเนื้อหาอื่นเพิ่มเติม