โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาลภายใต้พรรคเพื่อไทย ที่ต้องการนำมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะใช้เงินจำนวนมากถึง 500,000 ล้านบาท ในการแจกให้กับประชาชนโดยตรง เดิมรัฐบาลเตรียมจะใช้แหล่งเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 และ 2568 รวมถึงยังจะกู้เงินเพิ่มเติมบางส่วนอีกจาก ธ.ก.ส. ที่เป็นสถาบันการเงินของรัฐ ตามมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังรัฐ
ประเด็นนี้ได้เกิดเสียงคัดค้านจากหลายภาคส่วน ถึงการตีความกฎหมายของรัฐบาล เพราะเงินจาก ธ.ก.ส. ตามกฎหมายสามารถนำไปใช้ได้เฉพาะกับชาวเกษตรกรเท่านั้น
เมื่อรัฐบาลเจอแรงกดดันหนักจากหลายฝ่าย ประกอบกับกรอบระยะเวลาเริ่มโครงการก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จึงทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องยกเลิกกู้เงินจาก ธ.ก.ส. และไปใช้เงินจากแหล่งอื่นในงบประมาณแทน พร้อมปรับลดวงเงินที่จะใช้เหลือ 450,000 บาท เพื่อให้โครงการสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น โดยตั้งเป้าจะเริ่มใช้จ่ายภายในไตรมาส 4 ปี 2567
อย่างไรก็ตามโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ก็กลับมาสะดุดอีกครั้ง เมื่อ เศรษฐา ทวีสิน ถูกศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้พ้นออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2567 จากกรณีแต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และยังทำให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) สิ้นสุดลงทั้งคณะด้วย ซึ่งหมายความว่าโครงการต่าง ๆ ที่กำลังรออนุมัติก็ต้องรอค้างไว้ จนได้จะได้นายกรัฐมนตรี และ ครม.ชุดใหม่
ต่อมามีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้รับโปรดเกล้าฯ นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 สิ่งที่ประกาศแรกสุดคือการเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เนื่องจากเป็นนโยบายสำคัญของพรรคเพื่อไทย
ปรับดิจิทัลวอลเล็ต จ่ายสดกลุ่มเปราะบาง
ล่าสุดวันที่ 3 ก.ย. 2567 แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ยืนยันว่า “นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ยังเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลแน่นอน เพียงแต่ปรับรูปแบบ รายละเอียด อย่างที่เราบอกดิจิทัลวอลเล็ตมีแผนที่จะจ่ายเป็นเงินสด”
ในวันเดียวกัน ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่า “รอติดตาม จากคำแถลงนโยบายรัฐบาล และทุกอย่างจะมีความชัดเจน โดยเป้าหมายมีความชัดเจนอยู่แล้ว”
นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่าเมื่อได้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ และมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว สามารถใช้งบกลางปี 2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท มาใช้แจกเงินได้ทันทีในเดือนก.ย. นี้ โดยไม่มีปัญหาใด ๆ และสามารถดำเนินการใช้ได้ เนื่องจากมีการลงทะเบียนไว้แล้ว และงบกลางปี 2567 ที่ผ่านการเห็นชอบของรัฐสภาก็ดำเนินการได้เลย ส่วนโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปต้องรองบประมาณปี 2568
ปรับเงื่อนไขใหม่ หลัง”ทักษิณ” ให้ความเห็น
22 ส.ค. 2567 ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในงาน Vision For Thailand ถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่มีการปรับรูปแบบ ว่า จะใช้งบ 1.45 แสนล้านบาท จ่ายให้กับกลุ่มเปราะบาง 13.5 ล้านคน และคนพิการ 1 ล้านคน รวม 14.5 ล้านคน เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเบื้องต้นในเดือน ก.ย. 2567
28 ส.ค. 2567 จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยอมรับว่า มีการพูดคุยกันในพรรคเพื่อไทยถึงความเป็นไปได้ในการปรับเปลี่ยนแนวทางการการแจกเงินผ่านโครงการเติมเงิน 10,000 บาทดิจิทัลวอลเล็ต แต่ไม่ขอลงในรายละเอียด เพราะต้องให้เกียรติในการทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาล
จ่ายกลุ่มไหนก่อน
ข้อมูลเบื้องต้นของฝ่ายรัฐบาลเงินดิจิทัลวอลเล็ต จะปรับรูปแบบจ่ายเป็นเงินสดโดยตรงคนละ 10,000 บาท ให้กับกลุ่มเปราะบางก่อนผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐภายในเดือน ก.ย. อย่างแน่นอน เพื่อให้ทันกับการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 ที่จะสิ้นสุดปลายเดือน ก.ย.
ก่อนหน้านั้น นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ระบุว่าผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนใหม่เพื่อขอรับสิทธิในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เพราะรัฐบาลมีข้อมูลของกลุ่มเปราะบางแล้ว
หลังจากนั้นจะเริ่มจ่ายให้กับกลุ่มคนทั่วไปที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ คาดว่าเริ่มเดือน ต.ค. นี้ เป็นต้นไป โดยศึกษาการลงทะเบียนได้ที่ ‘ทางลัดถึงรัฐ ช่องทางเดียว ง่าย จบ ครบทุกช่วงวัย’
ขั้นตอนสมัครแอปพลิเคชั่น“ทางรัฐ”
คนที่ไม่เคยยืนยันตัวตน
- เริ่มจากดาวน์โหลดแอปฯทางรัฐ ในระบบ IOS และ Android
- เปิดแอปฯทางรัฐ กดปุ่มสมัครสมาชิก
- กดที่คำว่าสมัครสมาชิก
- กดปุ่มสมัครด้วยบัตรประชาชน
- อ่านกำหนดและความเป็นส่วนตัวจากนั้นกดเครื่องหมายถูกต้องสีเขียว และกดยอมรับ
- อ่านข้อแนะนำในการถ่ายรูปบัตรประชาชน จากนั้นกดปุ่มเพื่อถ่ายรูป
- กรอกข้อมูลและตรวจสอบให้ถูกต้องถามบัตรประชาชน แล้วกดปุ่มยืนยันตัวตน
- อ่านข้อแนะนำในการสแกนใบหน้า จากนั้นเริ่มสแกนใบหน้าของตนเอง
- กำหนดชื่อบัญชีผู้ใช้ และรหัสผ่านในการเข้าแอปฯ แล้วกดยืนยัน
- ตั้งค่า PIN Code 6 หลัก แล้วกดยืนยัน
- เปิดใช้งานสแกนใบหน้า โดยกดที่ปุ่มใช้งาน
- กดเริ่มใช้งาน และเตรียมพร้อมรอติดตามประกาศวันกดยืนยันขอรับสิทธิจากรัฐบาลอย่างเป็นทางการ
ในกรณีที่สแกนใบหน้าไม่ผ่าน สามารถสร้างบัญชี และเข้าใช้งานแอปฯทางรัฐได้ก่อน จากนั้นค่อยทำการสแกนใบหน้าภายหลัง โดยกดที่ปุ่ม สร้างบัญชี
นอกจากนี้สามารถยืนยันตัวตนได้ที่ช่องทางอื่น ได้แก่ ตู้บริการอเนกประสงค์ภาครัฐ, เคาน์เตอร์ไปรษณีย์ไทย, เคาน์เตอร์เซอร์วิส, ตู้บุญเติม และแอปฯ ThaID
คนที่เคยยืนยันตัวตนแล้ว สามารถกดรับสิทธิเข้าร่วมโครงการได้ที่
- เปิดแอปฯทางรัฐ เข้าสู่ระบบให้เรียบร้อย จากนั้นกดปุ่ลงทะเบียนรับสิทธิโครงการฯ
- อ่านรายละเอียดเงื่อนไขผู้ได้รับสิทธิฯ แล้วกดถัดไป
- อ่านข้อกำหนดและความเป็นส่วนตัวของโครงการฯ จากนั้นกดเครื่องหมายถูกต้องที่ “ฉันยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไข” แล้วกดยอมรับ
- อ่านข้อกำหนดและความเป็นส่วนตัวของแอปฯ จากนั้นกดเครื่องหมายถูกต้องที่ “ฉันยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไข” แล้วกดยอมรับ
- กรอกเลขบัตรประชาชน และเลขหลังบัตรประชาชน แล้วกดปุ่มตรวจสอบข้อมูล
- กรอกข้อมูลส่วนบุคคลคำนำหน้า ชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด ตามบัตรประชาชนให้ถูกต้อง แล้วกดปุ่มดำเนินการต่อ
- อ่านข้อแนะนำในการสแกนใบหน้า แล้วกดปุ่มเริ่มสแกนใบหน้า
- จัดวางใบหน้าให้อยู่ในกรอบ เมื่อสแกนใบหน้าสำเร็จ ระบบจะนำไปสู่ขั้นตอนถัดใบ
- หน้าจอจะแสดงผลระบบข้อมูลการลงทะเบียนว่าเรียบร้อยแล้ว
- ระบบจะเริ่มทำการตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคล ในขั้นตอนนี้ผู้ใช้งานสามารถปิดแอปฯและกลับเข้ามาตรวจสอบผลภายหลังได้
- เมื่อระบบตรวจสอบข้อมูลเสร็จสิ้นสมบูรณ์ จะมีกล่องข้อความแจ้งให้ผู้ใช้งานสร้างบัญชีผู้ใช้งาน ให้กดปุ่มสร้างบัญชีทางรัฐ
- ตั้งชื่อบัญชีผู้ใช้และรหัสผ่านในการเข้าสู่แอปฯทางรัฐ และกดปุ่มยืนยัน
เมื่อสมัครตามขั้นตอนดังกล่าวทั้งหมดเสร็จสิ้น ระบบจะส่งข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเริ่มเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบสิทธิตามเงื่อนไข โดยจะประกาศผลพร้อมกันวันที่ 22 ก.ย. 2567 เป็นต้นไป
ช่องทางติดต่อหน่วยงานรัฐ
- โทร 1111 คอลเซ็นเตอร์ศูนย์บริการข้อมูลทางรัฐเพื่อประชาชน
- ชื่อเว็บไซต์ภาษาไทย www.กระเป๋าดิจิทัล.รัฐบาล.ไทย
- ชื่อเว็บไซต์ภาษาอังกฤษ www.digitalwallet.go.th
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง