ผลของการยุบสภาผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 147 ระบุไว้ว่า เมื่อมีการยุบสภาร่างกฎหมายที่รัฐสภายังไม่ได้ให้ความเห็นชอบ หรือที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้วแต่พระมหากษัตริย์ไม่ทรงเห็นชอบด้วย หรือเมื่อ 90 วันแล้วไม่ได้พระราชทานคืนมา ถือว่าร่างกฎหมายนั้นเป็นอันตกไป
ยกเว้นกรณีที่ ในบรรดาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมหรือ ร่าง พ.ร.บ. ที่รัฐสภายังไม่ได้ให้ความเห็นชอบที่ตกไปนั้น ถ้าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่ ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปร้องขอต่อรัฐสภาเพื่อให้รัฐสภา สส. หรือ สว. พิจารณาต่อไป ถ้ารัฐสภาเห็นชอบด้วยก็ให้ สส. หรือ สว. พิจารณาต่อไปได้
แต่คณะรัฐมนตรีใหม่จะต้องร้องขอภายใน 60 วันนับแต่วันที่เรียกประชุมรัฐสภาครั้งแรกภายหลังการเลือกตั้งทั่วไป

กฎหมายที่ต้องหยุดพิจารณา ในรัฐสภา
มีร่างกฎหมายสำคัญที่รอการพิจารณาวาระ 1 ใน รัฐสภา 17 ฉบับ และ ผ่านการพิจารณาในวาระหนึ่ง และมีการตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณา จำนวน 1 ฉบับ คือ ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….
การแก้ไขรัฐธรรมนูญถือเป็นกฎหมายสำคัญยิ่งต่อการเมืองไทย ที่จะรื้อฟื้นระบบนิติรัฐที่ชัดเจน สร้างกระบวนการยุติธรรม คุ้มครองประชาชน กู้วิกฤตการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นตลอดหลังเลือกตั้ง 2566 ที่รัฐบาลจากการเลือกตั้งไม่มีความมั่นคง
การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เริ่มมีการประชุมร่วมรัฐสภา ตั้งแต่วันที่ 14-15 ต.ค. 68 ในวาระ 1 ทว่าในการประชุมวาระ 2 วันที่ 11 ธ.ค. 68 หลังจากที่สมาชิกรัฐสภามีมติเสียงข้างมากในการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256/28 ว่าด้วยการให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญของรัฐสภา ให้มีเงื่อนไขใช้เสียงเห็นชอบของ สว. จำนวน 1 ใน 3 ของวุฒิสภา
นำไปสู่การเลื่อนพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดย กมธ.แก้ไขร่าง รธน.ขอถอนร่างรัฐธรรมนูญออกจากการพิจารณา และเป็นเหตุให้พรรคประชาชนเตรียมจะยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
ในเวลาเดียวกัน ทางด้าน อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้กราบบังคมทูลฯ เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้มีการเลือกตั้ง สส. ใหม่เป็นการทั่วไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีพระราชกฤษฎีกาในวันถัดมา ที่ประชุมรัฐสภามีมติเห็นชอบแนวคำถามที่ 1 ของประชามติ “ท่านเห็นด้วยหรือไม่ที่จะให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่” เสนอคณะรัฐมนตรี ทำให้ขณะนี้แม้ ไม่มีร่างรัฐธรรมนูญ แต่ยังมีแต่ “คำถามที่ 1” ในประชามติ
นอกจากนี้ยังมีกฎหมายสำคัญอื่น ๆ ที่ค้างอยู่ในสภาฯ ชั้น สส. แต่ยังไม่ได้รับการพิจารณา เช่น
- ร่าง พ.ร.บ. จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … เพื่อให้กองทัพ มีความทันสมัย โปร่งใส และสอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตยที่กำหนดให้กองทัพอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือน
- ร่าง พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. … เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้สะดวก เปิดโอกาสให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมและตรวจสอบการดำเนินงานของภาครัฐและราชการ สร้างความโปร่งใสป้องกันปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ
- ร่าง พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ. … ที่ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร เพื่อยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารในยามปกติที่ไม่มี ภัยสงคราม และยกระดับคุณภาพชีวิตและการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของทหารกองประจำการ
หนึ่งในนั้นมีกฎหมายที่น่าสนใจคือ ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ราษฎร ซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐด้านที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ พ.ศ. …. ซึ่งผ่านความเห็นชอบในวาระ 1 พร้อมตั้งกมธ.ขึ้นมาพิจารณาในรายละเอียด แต่ไม่ได้ไปต่อเพราะยุบสภาฯ
สาระสำคัญของกฎหมายนี้ มีเป้าหมายเพื่อคืนความเป็นธรรมให้ชาวบ้านซึ่งอยู่อาศัยมาก่อนการประกาศเขตอุทยานฯ แต่ต่อมาต้องกลายเป็นผู้ต้องหา กฎหมายนี้จะช่วยคืนความเป็นธรรม ล้างมลทินให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ
กฎหมายที่ต้องหยุดพิจารณาในชั้น สว.
ตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2562 ข้อ 101 กำหนดว่า ในระหว่างที่มีการยุบสภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมาธิการจะพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรมิได้ ดังนั้น ภายหลังที่มีการยุบสภาผู้แทนราษฎร สว. จึงต้องหยุดการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่ผ่านความเห็นชอบจากสส. จนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่
มี ร่างพ.ร.บ. สำคัญที่ค้างการพิจารณาในวุฒิสภา อย่างน้อย 15 ฉบับ ที่จะชะงักงัน เช่น
4 กฎหมายท้องถิ่น ได้แก่
- ร่าง พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….
- ร่าง พ.ร.บ. สภาตำบล และองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ..) พ.ศ….
- ร่าง พ.ร.บ. เทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ….
- ร่าง พ.ร.บ. ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ….
ที่มีเนื้อหาสำคัญคือการตัดเงื่อนไขผู้สมัครเรื่องอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีออก เพื่อเปิดทางคนรุ่นใหม่ลงสมัครผู้บริหารท้องถิ่น ให้ทันการจัดเลือกตั้งท้องถิ่นในปี 2569 และแก้ไขหลักเกณฑ์วาระดำรงตำแหน่งของนายก อบจ. ไม่ได้ห้ามดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกิน 2 วาระ
ตามกำหนด สว. ต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ร่างฯ มาถึงวุฒิสภา ซึ่งวันดังกล่าวให้หมายถึงวันในสมัยประชุม ซึ่งร่างฯ มาถึงวุฒิสภาเมื่อวันที่ 3 พ.ย. 68 (มาถึงวุฒิสภานอกสมัยประชุม) จึงต้องเริ่มนับระยะเวลาตั้งแต่ 10 ธ.ค. 68 (สมัยวิสามัญ) จะครบกำหนด วันที่ 7 ก.พ. 2569
กฎหมายนิรโทษกรรม หรือ ร่าง พ.ร.บ. สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. … เป็นอีกกฎหมายสำคัญที่ถูกจับตาจากสังคมว่าจะผ่านความเห็นชอบในช่วงสมัยประชุมนี้หรือไม่
โดยวุฒิสภาได้รับร่างฯ วันที่ 22 ตุลาคม 2568 ซึ่งต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 60 วัน เมื่อนับตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค. 68 จนถึงวันสิ้นสุดสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง พ.ศ. 2568 คือ วันที่ 30 ต.ค. 68 (นับได้ 9 วัน) จะเหลือเวลาการพิจารณาอีก 51 วัน เริ่มนับระยะเวลาต่อตั้งแต่ 10 ธ.ค. 2568 (สมัยวิสามัญ) จะครบกำหนดวันที่ 29 ม.ค. 69
ร่างกฎหมายนี้มีกรอบเวลาการนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองครอบคลุมตั้งแต่ 2548 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการเริ่มชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อเหลือง ก่อนการรัฐประหารปี 2549 ถึงวันที่ 16 ก.ค. 2568 ซึ่งเป็นวันที่สภาฯ มีมติรับหลักการร่างกฎหมาย
ความผิดที่จะนิรโทษกรรมเช่น คดีกบฏตามกฎหมายอาญา ม. 113, ยุยงปลุกปั่นตาม ม. 116, ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร มาตรา 124, ความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.ชุมนุมฯ พ.ร.บ.ความสะอาดฯ, ประกาศและคำสั่งของ คสช. อย่างไรก็ตามไม่รวมคดีมาตรา 112 กลายเป็นการนิรโทษกรรมที่ไม่ครอบคลุมทุกคดีการเมือง
อีกกฎหมายที่สำคัญและหลายฝ่ายต่างช่วยกันลุ้นว่าจะผ่านความเห็นชอบในขั้นตอนด่านสุดท้ายการพิจารณาในวาระ 2-3 ของวุฒิสภา ได้หรือไม่ หลังจากมีความพยายามผลักดันมาหลายปี คือ กฎหมายอากาศสะอาด หรือ ร่าง พ.ร.บ. บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. …
ร่างนี้ วุฒิสภาได้รับวันที่ 24 ต.ค. 68 เป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงิน วุฒิสภาต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 30 วัน เมื่อนับตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค. 68 จนถึงวันสิ้นสุดสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง พ.ศ. 2568 คือ วันที่ 30 ต.ค. 68 (นับได้ 7 วัน) จะเหลือเวลาการพิจารณาอีก 23 วัน เริ่มนับระยะเวลาต่อ ตั้งแต่ 10 ธ.ค. 68 (สมัยวิสามัญ) จะครบกำหนดวันที่ 1 ม.ค. 69
ร่างนี้เป็นร่างกฎหมายที่เสนอโดยภาคประชาชนและ ส.ส. เพื่อรับรองสิทธิการหายใจอากาศบริสุทธิ์ แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 กำหนดให้ตั้งหน่วยงานเฉพาะเพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐและผู้ก่อมลพิษ และเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบข้อมูล โดยกำหนดโทษผู้ปล่อยสารมลพิษเกินมาตรฐานที่ จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 50 ล้านบาท และปรับรายวัน และหากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100 ล้านบาท ซึ่งปรับรายวัน
ขณะเดียวกัน มีข้อสังเกตว่า กมธ. ของ สว. ไม่ได้มีท่าทีเร่งรีบพิจารณาร่างกฎหมายนี้ จนกระทั่งยุบสภา
นโยบายที่ไม่ได้ไปต่อ
นอกจากกฎหมายที่ค้างในกระบวนการพิจารณาหลังยุบสภาฯ แล้ว ตามรัฐธรรมนูญยังกำหนดให้ รัฐบาลรักษาการไม่สามารถอนุมัติโครงการใหม่ที่สร้างภาระผูกพันต่อรัฐบาลชุดใหม่ การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการหรือรัฐวิสาหกิจ ใช้เงินงบประมาณสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเอื้อประโยชน์ทางการเมืองในช่วงเลือกตั้ง ด้วยเหตุนี้จึงมีหลายนโยบายไม่ได้ไปต่อ เช่น
โครงการคนละครึ่ง เฟส 2
โครงการนี้เฟส 2 ไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ หลังยุบสภา เพราะมีข้อจำกัดตามกฎหมายเลือกตั้ง และขณะนี้รัฐบาลอยู่ในสถานะรัฐบาลรักษาการ ซึ่งไม่สามารถดำเนินนโยบายที่มีผลผูกพันด้านงบประมาณได้
โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลช่วยเหลือค่าครองชีพ ร่วมจ่ายค่าอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนแจกเงิน ไม่เกิน 400 บาทต่อวัน จ่ายเอง 200 บาท และรัฐจ่ายให้ 200 บาท วงเงิน 2,000 บาท (ผู้ยื่นภาษีจะได้รับวงเงิน 2,400 บาท) เฟสแรกเริ่มเมื่อ 29 ต.ค. 68
โครงการนี้ถือเป็นการรื้อฟื้น โครงการคนละครึ่งของรัฐบาลพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีนโยบายช่วยเหลือประชาชน จากการแพร่ระบาดโควิด –19 โดยยังคงใช้แอปพลิเคชันเดิม “เป๋าตัง” สำหรับประชาชน “ถุงเงิน” สำหรับร้านค้า
เร่งแก้ไขปัญหากรณีพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชาด้วยแนวทางสันติภาพ พาความปลอดภัยให้พี่น้องประชาชน
นโยบายนี้เป็น 1 ใน 15 นโยบาย อนุทินได้แถลงต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 68 แต่จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค. 68 ในหลายพื้นที่
รัฐบาลอนุทินได้ปิดช่องการเจรจากับกัมพูชา ในการปะทะครั้งนี้ กองทัพของไทยใช้เครื่องบินขับไล่ F-16 เพื่อโจมตีเป้าหมายทางทหาร ขณะที่กัมพูชาใช้อาวุธยิงวิถีโค้งอย่างจรวด BM-21 การปะทะทางอาวุธส่งผลให้มีจำนวนผู้อพยพพุ่งเกิน 258,000 คน
แม้ว่าจะมีสัญญาณที่ดีขึ้นในช่วงต้นรัฐบาล ในเดือนกันยายน เมื่ออนุทินได้รับตำแหน่งนายกฯ ทางด้านกัมพูชา นายกฯ ฮุนมาเนตได้ส่งสารมาแสดงความยินดี และแสดงเจตจำนงทำงานร่วมกันเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ สร้างความไว้วางใจ และพัฒนาพรมแดนให้เป็นพื้นที่แห่งสันติภาพและความมั่งคั่งก็ตามอย่างไรก็ตาม จากการยุบสภาอนุทินกล่าวในวันที่ 12 ธ.ค. ว่าจะไม่กระทบต่อสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา
ในขณะที่อีกหลายนโยบายเร่งด่วน ที่ นายกฯ อนุทิน เคยแถลงต่อรัฐสภา ก็ถูกจับตาว่าจะสามารถสานต่อในช่วงเป็นรัฐบาลรักษาการนี้ได้มากน้อยแค่ไหน ทั้งการปราบปรามการพนันผิดกฎหมายทุกรูปแบบอย่างจริงจัง หรือ เร่งติดตั้งเครื่องมือเตือนภัยและพัฒนาเครือข่ายการเตือนภัยพิบัติโดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
- เปิด 15 นโยบายรัฐบาล 4 เดือน ทำอะไรได้แค่ไหน?
- โปรดเกล้าฯ พ.ร.ฎ.ยุบสภา พ.ศ. 2568
- ส่อง ร่าง พ.ร.บ. อากาศสะอาดฯ ก่อนเข้าสภาฯ วาระ 2-3
- จับตา “นิรโทษกรรม” ใน กมธ.กฎหมายสร้างเสริมสันติสุข


