สถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไทยพีบีเอส และ Cofact Thailand ภาคประชาสังคมที่มีบทบาทในการแก้ไขปัญหาข่าวลวง จึงได้จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ “Fact-Check Thailand 2026 เสริมพลังสังคมสู้ข่าวลวงรายงานข่าวเลือกตั้ง” เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในการรับมือกับข่าวลวง เสริมทักษะการรู้เท่าทันสื่อ ให้กับคนทําสื่อและเยาวชน
ตลอดการอบรมเชิงปฏิบัติการ 4 วัน 3 คืน ตั้งแต่วันที่ 19-22 พ.ย. 68 ของโครงการ มีผู้เข้าร่วมอบรมทั้งหมด 45 คน ได้นำเสนอผลงาน 54 ชิ้น ที่เป็นเครื่องมือใช้วิเคราะห์หลักฐาน ตรวจสอบข่าวลวงและข้อเท็จจริง ซึ่งในวันที่ 18 ธ.ค. 68 มีการจัดเวทีมอบรางวัล “Fact-Check Thailand Award 2026” ให้กับผลงาน 7 ประเภท รวมเป็นเงิน 60,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ ได้แก่
ประเภทที่ 1: The Best Checking Award ผลงานตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มีคุณค่าด้านประเด็นกระบวนการที่ตรวจสอบได้ และการนำเสนอที่สร้างผลกระทบต่อสาธารณะ ซึ่งผู้ที่ได้รับรางวัล คือ พรชัย เอี่ยมโสภณ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ระนอง ด้วยผลงาน “ยุบสภา! ใครฉีก MOA?” ที่สามารถนำเสนอเนื้อหาประเด็นข้อถกเถียงที่ซับซ้อน ให้เข้าใจง่าย เผยให้เห็นมีที่มาที่ไปชัดเจน
ประเภทที่ 2: Fact Checking Award ผลงานตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มีความเป็นเลิศด้านกระบวนการมาตรฐานแหล่งข้อมูล การใช้เครื่องมือดิจิทัล และการนำเสนออย่างรับผิดชอบต่อสังคม ผู้ที่ได้รับรางวัล คือ อภิรดี แน่นอุดร นักศึกษามหาวิทยาลัยมหาสารคาม ด้วยผลงาน “ชมรมสื่อสร้างสรรค์พบคลิปอ้าง ทหารไทยวิ่งหนี “โดรนพลีชีพ” แท้จริงเป็นคลิปเก่า ทหารยูเครน ในสงครามรัสเซียยูเครน” เนื่องจากพิสูจน์ข่าวปลอมด้วยการใช้เครื่องมือตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วน สามารถบ่งบอกแหล่งที่มาข่าวปลอมได้อย่างแม่นยำ
ประเภทที่ 3: Photo Checking Award ผลงานตรวจสอบภาพที่มีความหมายต่อสังคม ใช้เครื่องมือได้อย่างเหมาะสม และมีกระบวนการตรวจสอบที่เป็นระบบและน่าเชื่อถือ ผู้ที่ได้รับรางวัล คือ รัฐ กาลัญญูวงศ์ นักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้วยผลงาน “[ข่าวปลอม] ตรวจสอบพบ : โพสต์สร้างความปลุกเร้า ระบุปราสาทตาควายลุกไหม้” ที่สามารถตรวจสอบภาพและวิดีโอ แยกแยะอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และชี้ให้เห็นผลกระทบจากการบิดเบือน
ประเภทที่ 4: The Creative Checking Award ผลงานตรวจสอบข้อเท็จจริงเชิงสร้างสรรค์ ที่โดดเด่นทั้งด้านรูปแบบการนำเสนอ การเข้าถึงสาธารณะ และกระบวนการตรวจสอบที่น่าเชื่อถือ ผู้ที่ได้รับรางวัล คือ เกียรติศักดิ์ สิงห์งาม นักศึกษาปริญญาโท คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ นิด้า ที่นำเสนอผลงานในรูปที่เข้าใจง่าย ทำให้คนสนใจได้ง่าย
ประเภทที่ 5: Fact Checker นักตรวจสอบข้อเท็จจริง ผู้ที่ได้รับรางวัล เกียรติศักดิ์ สิงห์งาม เนื่องจากเป็นผู้ส่งผลงานเข้าประกวดมากที่สุดจำนวน 9 ชิ้นงาน
ประเภทที่ 6: Gen Z Fact Checking Rising Star Award ผู้ที่ได้รับรางวัล คือ วรภพ นามแก้ว นักเรียนโรงเรียน สังคีตวิทยา ซึ่งถือว่าเป็นเยาวชนที่ส่งผลงานมาเป็นจำนวนมาก
ประเภทที่ 7: Policy Checking Award ผลงานตรวจสอบนโยบายที่โดดเด่นทั้งด้านประเด็นกระบวนการที่น่าเชื่อถือ และการนำเสนอเพื่อแก้ไขความเข้าใจของสาธารณะผู้ที่ได้รับรางวัล คือ ตติยา ตราชู ในผลงาน “Fact Check : อำนาจอยู่ในมือผู้ว่าฯจริงหรือไม่?” ที่เป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือข้อเท็จของนโยบายภาครัฐภาคการเมือง
ผลงานทั้ง 54 ชิ้น สามารถชมได้ที่ https://www.thaipbs.or.th/factcheckthailand2026/
วิไลวรรณ จงวิไลเกษม คณะวารสารศาสตร์และสื่อมวลชน ม.ธรรมศาสตร์ และนักวิชาการด้าน Fact-Checking หัวหน้าโครงการฯ ได้สรุปโครงการนี้ว่า ได้ดำเนินตาม 3 หลักเกณฑ์สำคัญในการตรวจสอบข้อเท็จจริง 3 ได้แก่
- Policy Checking คือการตรวจสอบนโยบายหาเสียงเชิงโครงสร้าง ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพราะนโยบายคือหัวใจของการหาเสียง เป็นข้อมูลสำคัญที่ประชาชนตัดสินใจลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ดังนั้นการนำเสนอข่าวนโยบายจึงไม่ใช่แค่การรายงานคำพูดจากการหาเสียง แต่คือการวิเคราะห์และตรวจสอบความเป็นไปได้ทั้งในด้านงบประมาณ กฎหมาย และผลกระทบต่อสาธารณะที่ตามมาจากนโยบาย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยกระดับการรายงานข่าวจาก “การรายงานคำพูด” สู่ “การตรวจสอบอำนาจ”
- Fact Checking คือการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามมาตรฐานสากล International Fact-Checking Network หรือ “เครือข่ายองค์กรตรวจสอบข้อเท็จจริงสากล” ซึ่งเป็นเครือข่ายที่รวบรวมองค์กรตรวจสอบข่าวปลอมมาทำงานร่วมกัน เพื่อส่งเสริมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และต่อสู้กับข่าวลวงด้วยการตั้งข้อสงสัย การสืบค้นและตรวจสอบแหล่งข่าว การใช้หลักฐานที่ตรวจสอบได้ และการเขียนผลการตรวจสอบอย่างโปร่งใส
- Photo Checking คือการตรวจสอบภาพ-วิดีโอและสื่อดิจิทัล เพื่อรับมือเทคโนโลยี Deepfake, Generative AI และภาพตัดต่อ ด้วยการใช้เครื่องมือ Reverse Image Search เช่น Google, TinEye, Yandex และด้วยการอ่านค่า Metadata และ Digital Forensics รวมทั้งการตรวจจับภาพปลอมจาก AI (Al-generated Image Detection)
วิไลวรรณ ย้ำว่าโครงการนี้จึงไม่ใช่เพียงการอบรมเชิงปฏิบัติการ แต่เป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานในการบริโภคข่าวสาร สร้างทักษะการรู้เท่าทันสื่อและนโยบายหาเสียง
รับมือข่าวลวง เตรียมพร้อมเลือกตั้ง-ประชามติ
ในวันเดียวกัน Fact-Check Thailand 2026 ได้จัดเวที “Talk of Truth เปิดมุมมองที่สังคมต้องได้ยิน เพื่อการเลือกตั้งที่โปร่งใส” เตรียมความพร้อมให้กับประชาชนสำหรับการเลือกตั้ง 69 ที่จะมาถึง
วิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (ITA), ผู้แทน ป.ป.ช. กล่าวถึงปัญหาข่าวลวง ข่าวเท็จ และการตรวจสอบข้อเท็จจริง
โลกในโซเชียลมีเดียคือโลกเสมือนจริง ไม่ใช่โลกจริงด้วยตัวของมันเอง ข้อมูลข่าวสารในโซเชียลมีเดียจึงเป็นข่าวลวงได้ง่าย ซึ่งลักษณะข่าวลวง ทั้ง 1.) ข่าวปลอม (fake news) คือการสร้างข่าวไม่จริงขึ้นมาใหม่ทั้งหมด 2.) ข่าวบิดเบือน คือการนำความจริงมาผสมกับข้อมูลเท็จ 3.) ข่าวลวงเชื่อมโยง คือนำบริบทเก่าหรือข่าวเก่ามาใช้กับเหตุการณ์ปัจจุบัน 4.) เนื้อหาเสียดสี/ตลก ซึ่งคนไทยเป็นคนชอบความตลกโปกฮา มีการนำเสนอเนื้อหาล้อเลียนหยอกล้อทำให้ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นข่าวจริง
ข่าวลวงมีความอันตรายอย่างยิ่ง เพราะถ้ามีคนเชื่ออาจสร้างความสับสนในสังคม บั่นทอนความไว้วางใจในสถาบันทั้งชาติ ศาสนา และกษัตริย์ อีกทั้งยังส่งผลต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจและนโยบายทางการเมือง และสามารถก่อให้เกิดความแตกแยกและความรุนแรง
วิชาได้ยกตัวอย่างประเทศที่ใช้กฎหมายแก้ไขปัญหาข่าวลวงคือ สิงคโปร์ ที่มีกฎหมายป้องกันการกระจายข่าวเท็จและบิดเบือนความจริง (Protection from Online Falsehoods and Manipulation Act-POFMA) เรียกอีกชื่อคือ “Fake News Law” ซึ่งเป็นกรอบกฎหมายที่เข้มงวดเพื่อจัดการกับข่าวเท็จ โดยมีกลไกหลัก คือ
- หน่วยงานรัฐมีอำนาจสั่งให้บุคคลหรือแพลตฟอร์ม (เช่น Facebook, Twitter) แสดงประกาศแก้ไขข้อความติดอยู่กับเนื้อหาที่ถูกพิจารณาว่าเป็นข่าวเท็จ โดยเนื้อหาดั้งเติมไม่จำเป็นต้องถูกลบ แต่ต้องแสดงเครื่องหมายว่าเป็นข้อมูลเท็จ
- รัฐออกคำสั่งห้ามเผยแพร่ สำหรับกรณีร้ายแรงที่อาจกระทบความมั่นคงของชาติ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- รัฐออกคำสั่งปิดกั้นการเข้าถึง ด้วยการสั่งให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตปิดกั้นเว็บไซด์ที่เผยแพร่ขาวเท็จ
- รัฐออกคำสั่งส่วนบุคคล ให้บุคคลที่เผยแพร่ข่าวเท็จให้แก้ไขหรือลบข้อมูล
หากไม่ปฏิบัติตามถือมีความผิดทางอาญา โดนปรับสูงสุด 50,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ จำคุกสูงสุด 5 ปี สำหรับองค์กรอาจถูกปรับสูงสุด 500,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ อย่างไรก็ตามกฎหมายนี้มีข้อวิจารณ์และความกังวลว่า อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ในการปราบปรามฝ่ายค้าน หรือจำกัดการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล
ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) กล่าวถือสถานการณ์ในช่วงเวลาใกล้เลือกตั้งพร้อมการลงประชามติว่า เป็นเวลาเดียวกับที่อยู่ภาวะการสู้รบทางกองทัพระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งในช่วงเวลานี้ มักเกิดข้อมูลข่าวสารที่ไม่จริง เนื่องจากยุทธศาสตร์ที่ต้องจงใจปล่อยข่าวปลอมทางการทหาร ประชาชนในฐานะผู้เสพข่าวจึงไม่สามารถรับรู้ถึงข้อเท็จจริงได้ง่าย โดยไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง
ขณะเดียวกันกองทัพบกก็ดำเนินการปฏิบัติการข่าวสาร หรือ IO เพื่อด้อยค่าและบิดเบือนประชาชนผู้ที่เห็นต่างจากรัฐ ขณะนี้เรากำลังอยู่ในภาวะที่ข้อมูลไม่เป็นความจริงทำงานอย่างหนักและเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดยกองทัพ
ภายใต้สภาวะเช่นนี้ มีการเลือกตั้งและการทำประชามติ เป็นที่น่ากังวลมากว่า ประชาชนอาจจะต้องเผชิญกับข่าวปลอม โดยเฉพาะio ของกองทัพ เพื่อด้อยค่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ 60 ซึ่งเป็นมรดกของ คสช. อาจจะไม่ด้วยข่าวปลอม แต่อาจมาในรูปแบบการสร้างตรรกะวิบัติ (fault logic) เพื่อสร้างความไขว้เขว เข้าใจผิด
ทางด้าน ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันอิศรา กล่าวถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริงในช่วงใกล้เลือกตั้งว่า อันที่จริงแล้ว การตรวจสอบนักการเมืองนั้นต้องไม่ใช่เฉพาะช่วงเลือกตั้งเท่านั้น แต่ต้องตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามหน่วยงานภาครัฐและองค์กรอิสระ ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการตรวจสอบนักการเมือง
สำหรับเรื่องการระบาดข่าวเท็จข่าวปลอมนั้น มี 2 ปัจจัยหลัก ๆ ปัจจัยแรกมาจากสำนักข่าวใหญ่หรือสื่อหลัก ๆ ที่บางครั้งกลายเป็นผู้เผยแพร่ข่าวเท็จเสียเอง เพราะอ้างอิงจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือไม่ได้ หรือเป็นแหล่งข่าวเท็จ และด้วยสื่อเองที่ต้องดิ้นรนเพื่อยอด engagement ทำให้มุ่งนำเสนอข่าวที่กำลังเป็นกระแส มากกว่าแสวงหาหลักฐานข้อเท็จจริง ทำให้ข่าวปลอมแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว
ประการที่สอง คนจำนวนมากอ่านข่าวจากโซเชียลมีเดีย แทนสำนักข่าวโดยตรง ทำให้ข่าวปลอมแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และมักอ่านเฉพาะหัวข้อข่าวแทนเนื้อข่าว ทำให้เป็นผู้บริโภคข่าวก็กลายเป็นผู้เผยแพร่ข่าวปลอมได้ ดังนั้นคนที่บริโภคข่าวเองต้องมีความอดทนอ่านข่าวให้จบ ตรวจสอบข่าว ไม่อ่านข่าวอย่างฉาบฉวยเฉพาะหัวข้อข่าว
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ร่วมงานฟรี! “Talk for Truth” สู้ศึกเลือกตั้ง 2569 เปิดผลรางวัล Fact-Check Thailand Award 2026
ปิดหลักสูตรเข้มข้น “Fact-Check Thailand 2026” สร้างนักตรวจสอบข้อเท็จจริงรับมือข่าวลวงเลือกตั้ง 69
Fact-Check Thailand 2026 เสริมพลังสังคมสู้ข่าวลวงรายงานข่าวเลือกตั้ง




