เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคณะเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ระหว่างวันที่ 3-4 ก.พ. 2567 เพื่อเจรจาการค้าและร่่วมนามความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับนายรานิล วิกรมสิงเห ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา
การลงนาม FTA ครั้งนี้ เป็นความต่อเนื่องของการเจรจาเมื่อเดือน ธ.ค. 2566 โดย FTA ไทย – ศรีลังกา จะสนับสนุนให้มีการเปิดตลาดการค้าสินค้าที่เท่าเทียมกันกว่า 85% ของจำนวนรายการสินค้าทั้งหมด และมีระยะเวลาในการลดหรือยกเว้นอากรในเวลา 16 ปี นับจากความตกลงมีผลบังคับใช้
สินค้าที่ศรีลังกาจะยกเว้นอากรให้ทันทีคิดเป็น 50% ของจำนวนรายการสินค้าทั้งหมด หรือกว่า 4,000 รายการ นอกจากนี้ ศรีลังกาจะเปิดให้ไทยถือหุ้นในสาขาบริการได้ถึง 100% ใน 50 สาขา และถือหุ้นในภาคการลงทุนได้ถึง 100% ใน 35 สาขา ซึ่งมีธุรกิจไทยกว่า 20 แห่งร่วมเดินทางมาด้วย
ในปี 2566 การค้าระหว่างไทยและศรีลังกาเติบโต 16% เมื่อเทียบกับปี 2565 คิดเป็นสัดส่วนการส่งออกจากไทยเพิ่มขึ้น 7.4% และส่งออกจากศรีลังกาเพิ่มขึ้น 43% และในภาคการผลิต ที่การแปรรูปอาหารทะเลของศรีลังกามีความโดดเด่น ซึ่งศักยภาพความร่วมมือระหว่างบริษัทจากทั้งสองประเทศสามารถเดินหน้าอุตสาหกรรมนี้สู่ตลาดทั่วโลกได้
ในขณะที่ สินค้าขั้นกลาง (Intermediate Goods) ของไทยเองก็สามารถมีส่วนสนับสนุนอุตสาหกรรมการบริการที่กำลังเติบโตของศรีลังกา ที่รวมไปถึงการพัฒนาทักษะ และการเสริมสร้างขีดความสามารถ ผ่านความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาและการโรงแรมระหว่างกัน และในด้านการท่องเที่ยว ทั้งสองประเทศสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นฐานความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและศาสนาที่ใกล้ชิดระหว่างประชาชน โดยเฉพาะที่การบินไทยจะกลับมาให้บริการเที่ยวบินพาณิชย์ กรุงเทพฯ-โคลัมโบ ตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค. 2567
ด้านการลงทุน มีบริษัทไทยจำนวนมากดำเนินธุรกิจในศรีลังกา โดยเฉพาะด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การผลิต และพลังงาน ซึ่ง นายกฯ สนับสนุนให้บริษัทอื่นๆ ของไทย ใช้ประโยชน์จากโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่กำลังเติบโตของศรีลังกา และความได้เปรียบทางภาษีในตลาดต่างประเทศ และการเชื่อมโยงทางทะเล ศรีลังกาสามารถเป็นพันธมิตรสำคัญของไทย ที่มีเป้าหมายในการเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียน ด้วยโครงการ Landbridge ของไทยที่จะเชื่อมทะเลอันดามันกับอ่าวไทย และลดเวลาการขนส่งระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย
สำหรับวันที่ 3 ก.พ. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นสักขีพยานร่วมกับนายรานิล วิกรมสิงเห ประธานาธิบดีศรีลังกา ในการลงนาม 3 ฉบับ
1) ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-ศรีลังกา โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย และนายกัจจกธุเค นลิน รุวันชีวะ เฟอร์นานโด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ การค้า และความมั่นคงทางอาหาร เป็นผู้ลงนามฝ่ายศรีลังกา
2) ร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศฉบับใหม่ระหว่างไทยและศรีลังกา ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อแทนที่และยกเลิกความตกลงฯ ฉบับที่ลงนามเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2493 โดยจะลดอุปสรรคและอำนวยความสะดวกด้านการค้า การบริการทางอากาศระหว่างทั้งสองประเทศ สิทธิทางการบิน ความปลอดภัย ศุลกากร ฯลฯ ให้สอดคล้องกับมาตรฐานขององค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) โดยฝ่ายไทยมีนายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ลงนาม และนายนิเลตตี นิมัล สิริปาละ เด ซิลวา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่าเรือและการขนส่งทางทะเล เป็นผู้ลงนามฝ่ายศรีลังกา
3) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กับ The Gem and Jewellery Research and Training Institute of Sri Lanka เพื่อความร่วมมือด้านการพัฒนาอัญมณีและส่งเสริมการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ ซึ่งไทยสามารถเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบและแหล่งอัญมณี รวมทั้งการแลกเปลี่ยนและฝึกอบรมบุคลการที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่าย โดยมีนายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย และ นาย บี. จี. อาร์. ดับเบิลยู. กัมลัต ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและฝึกอบรมอัญมณีและเครื่องประดับแห่งศรีลังกา เป็นผู้ลงนามฝ่ายศรีลังกา
นอกจากนี้ ยังมีการจัดการประชุม Sri Lanka – Thailand Business Forum เพื่อเปิดทางให้กับนักธุรกิจทั้งสองประเทศแลกเปลี่ยนและหารือเกี่ยวกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
ด้านการลงทุน ไทยมีเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยโครงการ Landbridge ซึ่งเชื่อมโยงทะเลอันดามันกับอ่าวไทย และลดระยะเวลาการขนส่งระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย โดยไทยและศรีลังกาสามารถร่วมมือกันในการเสริมสร้างความเชื่อมโยง และโครงสร้างพื้นฐาน ผ่านโครงการ Landbridge ของไทย และท่าเรือโคลัมโบของศรีลังกา
ด้านการท่องเที่ยว ไทยยินดีที่การบินไทยจะกลับมาให้บริการเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ระหว่างกรุงเทพฯ และโคลัมโบ ทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค. 2567 ซึ่งจะทำให้ทั้งสองประเทศใกล้ชิดกันมากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ ไทยยังเสนอความร่วมมือไตรภาคีเกี่ยวกับการท่องเที่ยวทางเรือสามประเทศ ระหว่างอินเดีย ศรีลังกา และไทย รวมทั้งการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและพุทธศาสนาระหว่างกัน
ด้านการพัฒนา ไทยสนับสนุนการสร้างขีดความสามารถ และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของศรีลังกา โดยเฉพาะในภาคเกษตรกรรมและการประมง และยินดีที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับความสำเร็จของการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญในด้านการเพาะเลี้ยงปลาการ์ตูน และโครงการในด้านสวัสดิภาพและถิ่นที่อยู่ของช้างระหว่างกัน
ผู้นำไทยและศรีลังกายังตั้งเป้าที่จะเพิ่มมูลค่าและการรรลุเป้าหมายร่วมกัน ไม่เพียงแต่ในระดับทวิภาคีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในเวทีพหุภาคี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวที BIMSTEC สมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย (Indian Ocean Rim Association: IORA) และอาเซียน เพื่อเสริมสร้างความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ ซึ่งไทยในฐานะเจ้าภาพการประชุมสุดยอด BIMSTEC ครั้งที่ 6 ในปีนี้