ยุโรปและญี่ปุ่น มีระบบจัดการซากรถยนต์และแบตเตอรี่ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ สามารถควบคุมขยะอันตรายไม่ให้หลุดรอดออกไปกระทบสิ่งแวดล้อม ขณะที่ไทยกำลังจะเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แต่กลับไม่มีกฎหมายควบคุมชากรถและแบตเตอรี่ เพื่อจัดการขยะอันตรายที่จะเพิ่มขึ้นในประเทศ
รถยนต์อีวีใช้พลังงานจากไฟฟ้าที่มีราคาถูกกว่าน้ำมัน ทำให้ได้รับความนิยมเป็นวงกว้างทั่วโลก แต่การตัดสินใจซื้อรถอีวีควรมองหลาย ๆ ด้าน เพราะมีต้นทุนแฝง ที่จะเป็นภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ใช้รถในอนาคต
นโยบายสนับสนุนให้ใช้รถยนต์อีวีของรัฐบาลไทย เปิดทางให้รถอีวีสัญชาติจีนทะลักเข้ามาขายในประเทศอย่างหนัก และกำลังเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยแบบรุนแรงตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เนื่องจากฐานผลิตในประเทศยังเป็นรถสันดาป เอฟทีเอเอื้อรถอีวีจีนนำเข้าราคาถูก และไทยยังไม่มีแหล่งแร่สำคัญที่ใช้ผลิตแบตเตอรี่
การมาของรถยนต์ไฟฟ้า กำลังส่งผลกระทบหลายด้านต่ออุสาหกรรม นอกจากกระทบต่อรถยนต์ใช้น้ำมันแล้ว ยังกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับรถยนต์ใช้น้ำมัน โดยคาดว่าศูนย์บริการจะได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก หากคนนิยมใช้รถอีวีมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งคาดว่าในปีนี้ จะมีสัดส่วนเกือบ 27% ของยอดขายรถยนต์นั่ง
บอร์ดอีวี เร่งเดินหน้าผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางอีวีของภูมิภาคในรถยนต์ทุกประเภท โดยออกมาตรการลดภาษีสูงสุด 2 เท่า ให้กับบริษัทเอกชนที่ซื้อรถบัสไฟฟ้า และรถบรรทุกไฟฟ้า ตั้งเป้าไม่ต่ำกว่า 10,000 คน รวมถึงยังให้สิทธิประโยชน์กับผู้ผลิตแบตเตอรีรถไฟฟ้าระดับต้นน้ำ ให้สนใจเข้ามาลงทุนในไทย
เพียงไม่กี่ปีหลังรัฐบาลออกมาตรการส่งเสริม ไทยก็กำลังก้าวสู่ยุค "รถยนต์ไฟฟ้า" อย่างแท้จริง เมื่อยอดจำหน่ายในปีที่ผ่านมาพุ่งขึ้นเกือบ 700% รวม 76,538 คัน คิดเป็น 11.6% ของยอดจำหน่ายรถยนต์ทั้งหมด ขณะที่แบรนด์จากจีนกวาดส่วนแบ่งตลาด
อุตสาหกรรม EV มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ทั้งไทยและทั่วโลก องค์การพลังงานระหว่างประเทศ (EIA) คาดว่าปริมาณการผลิตยานยนต์ EV ของโลกนับตั้งแต่ปี 2565 จะขยายตัวเฉลี่ยปีละ 33% จนทำให้มียอดผลิตสะสมสูงเกิน 200 ล้านคันภายใน ปี 2573