กระทรวงการคลัง (กค.) รายงานคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผลการดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 แจกเงิน 10,000 บาท เฟสแรก ให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ โดยยังมีกลุ่มเป้าหมายที่จ่ายไม่สำเร็จ 381,287 คน
ที่ประชุม ครม. เมื่อ 19 พ.ย. 67 มีมติรับทราบผลการดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ รับทราบแนวทางการแก้ไขปัญหาการจ่ายเงินตามโครงการฯ กรณีกลุ่มเป้าหมายได้รับเงินตามโครงการฯ แล้ว แต่มีความประสงค์จะคืนเงินโดยสมัครใจ และเห็นชอบในหลักการของแนวทางการแก้ไขปัญหาการจ่ายเงินตามโครงการฯ ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ
โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลังหารือแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารจัดการงบประมาณของโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านคนพิการ ร่วมกับสำนักงบประมาณ (สงป.) ต่อไป
แจกเงินหมื่นค้างจ่ายอีก 64,892 ราย
กระทรวงการคลัง รายงานว่า โครงการนี้ มีกลุ่มเป้าหมายผู้มีสิทธิทั้งหมด 14,555,240 ราย แต่ได้เสียชีวิตหรืออยู่ในสถานสงเคราะห์ 40,768 ราย และติดปัญหาไม่สามารถสั่งจ่ายได้ จำนวน 75,844 ราย ส่งผลให้เหลือผู้มีสิทธิที่สามารถสั่งจ่ายเงินได้ 14,438,628 ราย
การจ่ายเงินครั้งแรกให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่มีสิทธิได้รับเงิน ระหว่างวันที่ 25 – 27 และ 30 ก.ย. 67 จำนวน 14,438,628 ราย ปรากฏว่าจ่ายเงินสำเร็จจำนวน 14,057,341 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 97.36 ของจำนวนที่กลุ่มเป้าหมายที่สั่งจ่ายทั้งหมด และจ่ายเงินไม่สำเร็จ 381,287 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 2.64 ของจำนวนที่กลุ่มเป้าหมายที่สั่งจ่ายทั้งหมด มีสาเหตุของการจ่ายเงินไม่สำเร็จ เช่น บัญชีเงินฝากธนาคารถูกปิด เลขบัญชีเงินฝากธนาคารไม่ถูกต้อง บัญชีไม่มีการเคลื่อนไหว ไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน เป็นต้น
ขณะที่การจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 1 ต.ค.67 กรมบัญชีกลาง ได้จ่ายเงินซ้ำให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่จ่ายเงินไม่สำเร็จในครั้งแรก และกลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่สามารถสั่งจ่ายเงินได้ในครั้งแรก เฉพาะที่ได้ดำเนินการแก้ไขข้อมูลช่องทางการรับเงิน หรือดำเนินการต่ออายุหรือทำบัตรประจำตัวคนพิการเรียบร้อยแล้ว และเฉพาะที่ได้ตรวจสอบสถานะการมีชีวิตกับกรมการปกครอง (ข้อมูล ณ วันที่ 14 ต.ค. 67) โดยสามารถสั่งจ่ายเงินได้ทั้งสิ้นจำนวน 414,908 ราย ในจำนวนนี้จ่ายเงินสำเร็จ จำนวน 350,016 ราย และจ่ายเงินไม่สำเร็จ จำนวน 64,892 ราย
ทั้งนี้กระทรวงการคลังได้ประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มเป้าหมายผู้มีสิทธิตามโครงการฯ ดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน หรือติดต่อธนาคารเพื่อแก้ไขบัญชีเงินฝากธนาคารที่มีปัญหาโดยเร็ว รวมถึงจะต้องดำเนินการต่ออายุหรือทำบัตรประจำตัวคนพิการ หรือแก้ไขข้อมูลประจำตัวคนพิการที่ศูนย์บริการคนพิการทั่วประเทศให้ถูกต้อง แล้วแต่กรณี เพื่อให้ทันการจ่ายซ้ำครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ในวันที่ 21 พ.ย. และ 19 ธ.ค.67 ตามลำดับ
ณ วันที่ 21 ต.ค.67 มีการจ่ายเงินตามโครงการฯ ให้แก่กลุ่มเป้าหมายแล้วรวมทั้งสิ้นจำนวน 14,407,375 ราย คิดเป็นเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงเดือน ก.ย. และเดือนต.ค. 67 จำนวนรวม 144,073.57 ล้านบาท
แนวทางแก้ไขจ่ายเงินไม่สำเร็จ
สำหรับปัญหาการจ่ายเงิน และแนวทางการแก้ไขปัญหาการจ่ายเงินตามโครงการฯ
1. กลุ่มเป้าหมายได้รับเงินตามโครงการฯแล้ว แต่มีความประสงค์จะคืนเงินโดยสมัครใจ แนวทางแก้ไขให้กลุ่มเป้าหมายที่มีความประสงค์จะคืนเงินโดยสมัครใจติดต่อขอรับเอกสารที่ใช้สำหรับการคืนเงินได้ที่สำนักงานคลังจังหวัดหรือกรมบัญชีกลาง และนำเงินไปคืนได้ที่สาขาของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ทั่วประเทศ
2. การจ่ายเงินให้แก่ผู้ไม่มีสิทธิ จากความคลาดเคลื่อนของฐานข้อมูลคนพิการของ พม. อปท. กทม. และเมืองพัทยาที่นำส่งให้กรมบัญชีกลาง ซึ่งส่งผลให้กรมบัญชีกลางจ่ายเงิน ให้แก่ผู้ที่ไม่มีสิทธิตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านคนพิการจำนวน 1,032 ราย
กรณีมีการจ่ายเงินให้แก่ผู้ที่ไม่มีสิทธิตามโครงการฯ กค. จะทำการเรียกเงินคืน โดยจะดำเนินการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง กค. และ พม. และให้กรมบัญชีกลางดำเนินการจ่ายเงินให้แก่ผู้มีสิทธิตามโครงการฯ ที่ถูกต้องต่อไปได้ โดยไม่ต้องรอเงินที่จะเรียกคืนจากผู้ที่ไม่มีสิทธิตามโครงการฯ แต่ละราย ทั้งนี้ ให้ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ
กรณีมีการจ่ายเงินให้แก่ผู้ที่ไม่มีสิทธิตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กค. จะดำเนินการ ดังนี้
- หากผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐยังไม่เคยได้รับเงินตามโครงกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กค. จะไม่ทำการเรียกเงินคืน โดยให้ถือว่าได้รับสิทธิตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐแทน ทั้งนี้ ให้ถือเป็นการใช้จ่ายจากเงินงบประมาณตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ได้รับอนุมัติแล้ว และหากงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินการไม่เพียงพอให้ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านคนพิการที่ได้รับอนุมัติแล้ว โดยให้หารือแนวทางการดำเนินการกับ สงป. ต่อไป
- หากผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเคยได้รับเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปก่อนหน้าแล้ว ทั้งนี้ กค.จะดำเนินการเรียกเงินคืนโดยวิธีการมอบอำนาจให้ พม. ดำเนินการ
3. กลุ่มเป้าหมายเสียชีวิตหรือถูกจำหน่ายออกจากฐานข้อมูลทะเบียนกลางหลังจากวันที่มีการตรวจสอบสถานการณ์ชีวิตกับกรมการปกครอง ซึ่งได้รับการจ่ายเงินไปจำนวน 4,895 ราย
กรมบัญชีกลางจะตรวจสอบสถานะการมีชีวิตกับกรมการปกครอง โดยใช้ฐานข้อมูลของกรมการปกครอง ณ สิ้นวันก่อนหน้า (T – 1) ของวันที่กรมบัญชีกลางส่งข้อมูลไปตรวจสอบ (T) เพื่อตัดสิทธิบุคคลที่เสียชีวิตหรือถูกจำหน่ายออกจากฐานข้อมูลทะเบียนกลางก่อนจัดทำข้อมูลสำหรับการจ่ายเงินตามโครงการฯ ดังนั้น หากผู้ที่มีสิทธิได้รับเงินตามโครงการฯ แต่เสียชีวิตในวันที่หรือภายหลังจากวันที่กรมบัญชีกลางส่งข้อมูลไปตรวจสอบสถานะการมีชีวิตกับกรมการปกครองดังกล่าว ก็ให้ถือว่า บุคคลผู้นั้นเป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินตามโครงการฯ
4. กลุ่มเป้าหมายภายใต้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านคนพิการ ที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าไม่สามารถแก้ไขข้อมูลบัตรประจำตัวคนพิการให้สมบูรณ์ได้ จำนวน 6,627 ราย เนื่องจากสาเหตุ เช่น หายจากความพิการแล้ว เป็นต้น จึงจะไม่สามารถได้รับสิทธิตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านคนพิการ
โดยควรปรับปรุงจำนวนกลุ่มเป้าหมายขอโครงการฯ ให้สอดคล้องตามสิทธิที่เกิดขึ้นจริง โดยให้ กค. ตรวจสอบข้อมูลของกลุ่มเป้าหมาย ณ วันที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบก่อนการจ่ายเงินตามโครงการอีกครั้งหนึ่ง
กรณีเป็นผู้ที่ผ่านคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนฯปี 2565 ที่ได้ยืนยันตัวตน (e – KYC) สำเร็จแล้ว ตามฐานข้อมูลโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2565 ของ กค. ณ วันที่ 31 ส.ค. 67 เห็นควรให้ได้รับสิทธิตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐโดยรวมอยู่ในกลุ่มผู้ที่ผ่านคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2565 ที่ได้ยืนยันตัวตน (e – KYC) สำเร็จแล้วตามฐานข้อมูลโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2565 ของ กค. และไม่เป็นคนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการ ตามฐานข้อมูลของ พก. พม. ณ วันที่ 31 ส.ค. 67
ทั้งนี้ให้ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ได้รับอนุมัติแล้ว ทั้งนี้ หากงบประมาณไม่เพียงพอให้ใช้จากเงินงบประมาณตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านคนพิการ ที่ได้รับอนุมัติแล้ว โดยให้หารือแนวทางการดำเนินการกับ สงป. ต่อไป อย่างไรก็ดี กรณีไม่ได้เป็นผู้ที่ผ่านคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2565 ที่ได้ยืนยันตัวตน (e – KYC) สำเร็จแล้ว ตามฐานข้อมูลโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2565 ของ กค. ณ วันที่ 31 ส.ค. 67 จะเป็นผู้อยู่นอกกลุ่มเป้าหมายโครงการฯ ซึ่งกรมบัญชีกลางไม่สามารถจ่ายเงินให้ได้
5. คนพิการที่ลงทะเบียนขอรับเงินเบี้ยความพิการตามฐานข้อมูลของ อปท. กทม. และเมืองพัทยาในเดือน ส.ค. 67 เพิ่มเติม จำนวน 223 ราย ซึ่งถือเป็นกลุ่มผู้มีสิทธิที่ตกหล่นจากกลุ่มเป้าหมายเดิม ให้คนพิการที่ลงทะเบียนขอรับเงินเบี้ยความพิการในเดือน ส.ค. 67ได้รับสิทธิตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านคนพิการ ในกลุ่มคนพิการที่ไม่มีบัตรประจำตัวคนพิการในฐานข้อมูลของ พม. แต่ได้รับเงินเบี้ยความพิการตามฐานข้อมูลของ อปท. กทม. และเมืองพัทยา และไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแต่ไม่ได้ยืนยันตัวตน (e – KYC) ภายในที่ 31 ส.ค. 67) ตามฐานข้อมูลโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2565 ของ กค.
โดยให้ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านคนพิการที่ได้รับอนุมัติแล้ว ทั้งนี้ คนพิการดังกล่าวจะต้องดำเนินการต่ออายุหรือทำบัตรประจำตัวคนพิการ ภายในวันที่ 3 ธ.ค. 67 และ พม. แจ้งยืนยันข้อมูลดังกล่าวนี้ให้กรมบัญชีกลางทราบ จึงจะได้รับสิทธิ
6. กรณีอื่น ๆ ที่พบความคลาดเคลื่อนของฐานข้อมูล เช่น การแจ้งเสียชีวิต หรือจำหน่ายผิด จำนวน 3 ราย และข้อมูลบุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ในสังกัด พม. มีความคลาดเคลื่อนจำนวน 3 ราย ให้สิทธิการได้รับเงินตามโครงการฯ แก่ผู้ที่ถูกตัดสิทธิอันเนื่องมาจากข้อมูลของหน่วยงานของรัฐมีความคลาดเคลื่อน เช่น ฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร ฐานข้อมูลบุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ในสังกัดของ พม. เป็นต้น ซึ่งได้รับการคืนสถานภาพบุคคลหรือปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องแล้ว โดยให้ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติแล้วในส่วนที่ผู้มีสิทธิพึงจะได้รับ
7. กลุ่มเป้าหมายเปลี่ยนแปลงช่องทางการรับเงิน แต่ข้อมูลและการประมวลผลข้อมูลมีความคลาดเคลื่อน ทำให้กรมบัญชีกลางยังไม่ได้สั่งจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวในรอบการจ่ายซ้ำ ครั้งที่ 1 จำนวน 96 ราย
กรณีกลุ่มเป้าหมายได้ดำเนินการแจ้งเปลี่ยนแปลงช่องทางการรับเงินภายในระยะเวลาที่กำหนด ได้แก่ ภายในวันที่ 30 ก.ย. 67 สำหรับการจ่ายซ้ำครั้งที่ 1 ภายในวันที่ 31 ต.ค. 67 สำหรับการจ่ายซ้ำครั้งที่ 2 และภายในวันที่ 29 พ.ย. 67 สำหรับการจ่ายซ้ำครั้งที่ 3 แต่ข้อมูลและการประมวลผลข้อมูลของหน่วยงานของรัฐมีความคลาดเคลื่อน ทำให้กรมบัญชีกลางยังไม่ได้สั่งจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวในรอบการจ่ายซ้ำ ให้กรมบัญชีกลางจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวในรอบการจ่ายซ้ำต่อไปได้ โดยไม่ต้องตรวจสอบสถานะการมีชีวิตกับกรมการปกครองอีกครั้งหนึ่ง
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง