สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย และ GDP ไตรมาสที่ 2 ปี 2568 โดยปรับประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ไทย ในปี 2568 เป็น 1.8-2.3% (ค่ากลางอยู่ที่ 2.0%) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากที่เคยประมาณการไว้เดิมเมื่อเดือนพ.ค.68 ที่ 1.3-2.3% (ค่ากลางอยู่ที่ 1.8%)
เหตุผลสำคัญที่ปรับประมาณการ GDP เพิ่มขึ้นนั้น มาจากสถานการณ์ด้านการส่งออก และการลงทุนภาคเอกชนในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาปรับตัวดีขึ้น การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการผลิตเพื่อเร่งส่งออกสินค้าไปยังประเทศปลายทาง ก่อนที่มาตรการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้ในเดือนส.ค.68
นักท่องเที่ยวไทย-ต่างชาติหดตัว
ขณะที่ภาพรวมภาคการผลิต สาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหาร ขยายตัว 2.1 % ชะลอลงเมื่อเทียบกับ 7.2 % ในไตรมาสก่อนหน้า จากการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศและการชะลอตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทย
นักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยมีจำนวน 7.136 ล้านคน (คิดเป็น 87.24 % เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19) ลดลง 12.2 % ส่งผลให้มูลค่าบริการรับด้านการท่องเที่ยวอยู่ที่ 0.344 ล้านล้านบาท (คิดเป็น 93.56 %เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19) เพิ่มขึ้น 3.6 % ชะลอลงจาก12.4 % ในไตรมาสก่อน
ส่วนการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวไทย (ไทยเที่ยวไทย) มีจำนวน 69.63 ล้านคน-ครั้ง ขยายตัว 2.1 % ชะลอลงจากการขยายตัว 2.6 % ในไตรมาสก่อน รายรับจากนักท่องเที่ยวชาวไทยอยู่ที่ 0.303 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.9 % เทียบกับการขยายตัว 5.4% ในไตรมาสก่อน ส่งผลให้มีรายรับรวมจากการท่องเที่ยว 0.647 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.1 %ชะลอลงจาก 13.7 % ในไตรมาสก่อน
สำหรับอัตราการเข้าพักเฉลี่ย ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 69.80 % ต่ำกว่า 74.93 % ในไตรมาสก่อนหน้า และต่ำกว่า 69.92 % ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
นักท่องเที่ยว “กระจุกตัวแค่เมืองหลัก”
สาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหาร: ขยายตัว 2.1 % ชะลอลงเมื่อเทียบกับการขยายตัว 7.2%ในไตรมาสก่อนหน้า สอดคล้องกับการชะลอตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยและการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยในไตรมาสนี้
การท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวไทย มีจำนวน 69.63 ล้านคน-ครั้งขยายตัว 2.1 % ชะลอลงเมื่อเทียบกับการขยายตัว 2.6 % ในไตรมาสก่อนหน้า
สำหรับจังหวัดที่มีผู้เยี่ยมเยือนคนไทยสูงที่สุด 5 อันดับแรก (ไม่รวมกรุงเทพมหานคร) ได้แก่
- ชลบุรี 4.585 ล้านคน-ครั้ง สัดส่วน 6.58%
- กาญจนบุรี 3.677 ล้านคน-ครั้ง สัดส่วน 5.28 %
- ประจวบคีรีขันธ์ 2.794 ล้านคน-ครั้ง สัดส่วน 4.01 %
- เพชรบุรี 2.744 ล้านคน-ครั้ง สัดส่วน 3.94 %
- นครราชสีมา 2.186 ล้านคน-ครั้ง สัดส่วน 3.14 %
รายได้นักท่องเที่ยวคนไทยเพิ่มไตรมาสที่ 14
สำหรับรายรับจากนักท่องเที่ยวชาวไทยอยู่ที่ 0.303 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 14 โดยเพิ่มขึ้น 1.9 %แต่jชะลอลงจากการขยายตัว 5.4 %ในไตรมาสก่อนหน้า
ส่วนจังหวัดที่มีรายรับที่แท้จริงจากผู้เยี่ยมเยือนคนไทยสูงที่สุด 5 อันดับแรก (ไม่รวมกรุงเทพมหานคร)ได้แก่
- ชลบุรี สัดส่วน 10.32 %
- เชียงใหม่ สัดส่วน 5.14%
- สุราษฎร์ธานี สัดส่วน 3.96 %
- ประจวบคีรีขันธ์ สัดส่วน 3.73 %
- กระบี่ สัดส่วน 3.59%
นักท่องเที่ยวต่างชาติ เที่ยวไทยลดลง
สำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยจำนวน 7.136 ล้านคน คิดเป็น 87.24 % เมื่อเทียบกับในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ลดลง 12.2 %เทียบกับการขยายตัว 1.9 % ในไตรมาสก่อนหน้า โดยนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางมาไทยสูงที่สุด 5 อันดับ แรก
- มาเลเซีย 1.146 ล้านคน สัดส่วน 16.06 %
- จีน 0.934 ล้านคน สัดส่วน 13.09 %
- อินเดีย 0.640 ล้านคน สัดส่วน 8.97 %
- รัสเซีย 0.313 ล้านคน สัดส่วน 6.10 %
- เกาหลีใต้ 0.274 ล้านคน สัดส่วน 3.32 %
ทั้งนี้ หากพิจารณานักท่องเที่ยวตามระยะทาง พบว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางจากระยะใกล้ จำนวน 5.403 ล้านคน สัดส่วน 75.71% ลดลง 18.0 % เทียบกับการลดลง 5.2 % ในไตรมาสก่อนหน้า
ขณะที่นักท่องเที่ยวที่เดินทางจากระยะไกล จำนวน 1.733 ล้านคน สัดส่วน 24.29 % เพิ่มขึ้น 12.5 % เทียบกับการขยายตัว17.4 % ในไตรมาสก่อนหน้า
สำหรับมูลค่าบริการรับด้านการท่องเที่ยว อยู่ที่ 0.344 ล้านล้านบาท คิดเป็น 93.56 %เมื่อเทียบกับ ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้น 3.6 % ชะลอลงจากการขยายตัว12.4 % ในไตรมาสก่อนหน้า
การเพิ่มขึ้นของทั้งมูลค่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวไทยและมูลค่าบริการรับด้านการ ท่องเที่ยว ส่งผลให้ในไตรมาสนี้มีรายรับรวมจากการท่องเที่ยวอยู่ที่ 0.647 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.1 % เทียบกับการขยายตัว 13.7 % ในไตรมาสก่อนหน้า
สำหรับอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในไตรมาสนี อยู่ที่ 69.80 % ต่ำกว่า 74.93 % ในไตรมาสก่อนหน้า และต่ำกว่า 69.92 % ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
รวมครึ่งแรกของปี 2568 สาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหารขยายตัว 4.7 % โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศมีจำนวน 16.685 ล้านคน ลดลง 4.7 % สร้างมูลค่าบริการรับด้านการท่องเที่ยวอยู่ที่ 0.798 ล้านล้านบาท
เมื่อรวมกับรายรับจากนักท่องเที่ยวชาวไทย 0.572 ล้านล้านบาท ส่งผลให้รายรับรวมจากการท่องเที่ยวมีมูลค่า 1.370 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.9 % สำหรับอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 72.36 %
การกระจายตัวนักท่องเที่ยวเมืองรองลดลง
ในไตรมาสที่สองของปี 2568 ผู้เยี่ยมเยือนรวมทั้งคนไทยและคนต่างประเทศ มีจำนวน 86.68 ล้านคน- ครั้ง ลดลง 0.03 % เทียบกับการขยายตัว 3.2 % ในไตรมาสก่อนหน้าและสร้างรายรับจากผู้เยี่ยมเยือนรวมทั้งคนไทยและคนต่างประเทศ 0.642 ล้านล้านบาทลดลง 3.1 % เทียบกับการขยายตัว 4.0 % ในไตรมาสก่อนหน้า
สำหรับผู้เยี่ยมเยือนคนต่างประเทศมีจำนวน 17.05 ล้านคน / ครั้ง สัดส่วน 19.67 % ต่อจำนวนผู้เยี่ยมเยือนทั้งหมด ลดลง 7.9 % เทียบกับการขยายตัว 1.4 % ในไตรมาสก่อนหน้า โดยในกลุ่มจังหวัดเมืองท่องเที่ยวหลักมีผู้เยี่ยมเยือนคนไทยมีจำนวน 41.07 ล้านคน/ครั้ง สัดส่วน 58.98 % ต่อจำนวนผู้เยี่ยมเยือนคนไทยทั้งหมด
ขณะที่ผู้เยี่ยมเยือน คนต่างประเทศมีจำนวน 15.17 ล้านคน/ครั้ง สัดส่วน 88.94 % ต่อจำนวนผู้เยี่ยมเยือนคนต่างประเทศทั้งหมด ลดลง 8.5 % เทียบกับการเพิ่มขึ้น 0.3 % ในไตรมาสก่อนหน้า
และในกลุ่มจังหวัดเมืองท่องเที่ยวรอง ผู้เยี่ยมเยือนคนไทยมีจำนวน 28.56 ล้านคน/ครั้ง สัดส่วน 41.02 % ต่อจำนวนผู้เยี่ยมเยือนคนไทยทั้งหมด ขณะที่ผู้เยี่ยมเยือน คนต่างประเทศมีจำนวน 1.86 ล้านคน/ครั้ง สัดส่วน 11.06 % ต่อจำนวนผู้เยี่ยมเยือน คนต่างประเทศทั้งหมด ลดลง 2.5 % เทียบกับการเพิ่มขึ้น 11.1 % ในไตรมาสก่อนหน้า
5 จังหวัดนักท่องเที่ยวต่างประเทศนิยม
ทั้งนี้จังหวัดที่มีผู้เยี่ยมเยือนคนต่างประเทศสูดสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
- ชลบุรี สัดส่วน 12.81 % จำนวน 2,183,937 คน ลดลง 13.6 %
- ภูเก็ต สัดส่วน 12.42 % จำนวน 2,117,720 คน ลดลง 6.2 %
- สุราษฎร์ธานี สัดส่วน 5.88 % จำนวน 1,002,444 คน เพิ่มขึ้น 0.1 %
- สงขลา สัดส่วน 5.44 % จำนวน 928,087 คน ลดลง 3.1 %
- เชียงใหม่ สัดส่วน 4.25 % จำนวน 725,476 คน ลดลง 4.8 %
รายได้จากการท่องเที่ยวต่างชาติลดลง
เมื่อพิจารณาด้านรายรับจากผู้เยี่ยมเยือน พบว่า รายรับจากผู้เยี่ยมเยือนคนไทยอยู่ที่ 0.303 ล้านล้านบาท สัดส่วน 47.24 % ต่อรายรับจากผู้เยี่ยมเยือนคนไทยทั้งหมด เพิ่มขึ้น1.9 % ชะลอลงจากการขยายตัว 5.4 % ในไตรมาสก่อนหน้า
ส่วนรายรับจากผู้เยี่ยมเยือนคนต่างประเทศอยู่ที่ 0.338 ล้านล้านบาท (สัดส่วน 52.76 % ต่อรายรับจากผู้เยี่ยมเยือน คนต่างประเทศทั้งหมด ลดลง 7.2 % เทียบกับการขยายตัว 3.2 % ในไตรมาสก่อนหน้า
โดยในกลุ่มจังหวัดเมืองท่องเที่ยวหลัก สร้างรายรับจากผู้เยี่ยมเยือนคนต่างประเทศ อยู่ที่ 0.329 ล้านล้านบาท สัดส่วน 97.29 % ต่อรายรับจากผู้เยี่ยมเยือนคนต่างประเทศทั้งหมด ลดลง 7.2 % เทียบกับการเพิ่มขึ้น 3.1 % ในไตรมาสก่อนหน้า
และในกลุ่มจังหวัดเมือง ท่องเที่ยวรอง สร้างรายรับจากผู้เยี่ยมเยือนคนต่างประเทศ อยู่ที่ 0.009 ล้านล้านบาท สัดส่วน 2.71% ต่อรายรับจากผู้เยี่ยมเยือนคนต่างประเทศทั้งหมด ลดลง 5.8 %เทียบกับการเพิ่มขึ้น 6.4 %ในไตรมาสก่อนหน้า
5 จังหวัดสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยว
นอกจากนี้ จังหวัดที่มีรายรับจากผู้เยี่ยมเยือน คนต่างประเทศสูดสุด 5 อันดับแรก (ไม่รวมกรุงเทพมหานคร) ได้แก่
- ภูเก็ต สัดส่วน 29.86 %สร้างรายรับ 101,070.38 ล้านบาท ลดลง 2.6 %
- ชลบุรี สัดส่วน 9.67 % สร้างรายรับ 32,741.69 ล้านบาท ลดลง 16.9 %
- สุราษฎร์ธานี สัดส่วน 5.50 % สร้างรายรับ 18,611.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.1%
- กระบี่ สัดส่วน 3.77 % สร้างรายรับ 12,758.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.8 %
- พังงา สัดส่วน 3.12 % สร้างรายรับ 10,544.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5 %จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
แนะรัฐเร่งมาตรการส่งเสริมเที่ยวเมืองรอง
สำหรับโครงสร้างค่าใช้จ่ายของผู้เยี่ยมเยือนคนต่างประเทศในประเทศไทย4 พบว่า ในปี 2567 ค่าใช้จ่ายที่มีสัดส่วนสูงสุด 5 อันดับแรกได้แก่
- หมวดที่พัก สัดส่วน 34.88 % ต่อการใช้จ่ายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจาก 28.58 % ในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-195
- หมวดอาหารและเครื่องดื่ม สัดส่วน 22.21 % เพิ่มขึ้นจาก 20.95 %
- หมวดการซื้อสินค้า สัดส่วน 19.67 % ลดลง 24.41 %
- หมวดการเดินทาง สัดส่วน 10.25 % เพิ่มขึ้นจาก 9.78%
- หมวดความบันเทิง สัดส่วน 7.37 % ลดลงจาก 9.15 %
สะท้อนให้เห็นว่าพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้เยี่ยมเยือนคนต่างประเทศมีความเปลี่ยนแปลงไปจากการใช้จ่ายในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาด ของโรคโควิด-19 (ปี 2017 – 2019 โดยหมวดที่พัก อาหารและเครื่องดื่ม และการเดินทางมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น ในขณะที่หมวดการซื้อสินค้า ความบันเทิง การเที่ยวชมสถานที่ การรักษาพยาบาล และเบ็ดเตล็ดมีสัดส่วนลดลง
ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายของผู้เยี่ยมเยือน คนต่างประเทศ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการอัตราค่าเช่าห้องพักพักเฉลี่ยที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงพฤติกรรมของผู้เยี่ยมเยือนที่เริ่มนิยมเข้าพัก ในสถานที่ที่สะดวกสบายมากขึ้น
ดังนั้น ภาครัฐจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเร่งรัดการดำเนินมาตรการส่งเสริมภาคบริการการท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง โดยเฉพาะ การส่งเสริมให้ผู้เยี่ยมเยือนคนต่างประเทศนิยมเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรอง
รวมทั้งสนับสนุนให้มีการจับจ่ายใช้สอยในการซื้อ สินค้า เที่ยวชมสถานที่ และบริการด้านความบันเทิงมากขึ้น เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้จากภาคการท่องเที่ยวสู่ท้องถิ่นในแต่ละสาขา เศรษฐกิจได้อย่างทั่วถึง และเพื่อสนับสนุนให้ภาคการท่องเที่ยวยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะต่อไป
อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง