กลุ่มเปราะบาง เป็นกลุ่มแรกตามเป้าหมายของรัฐบาล โดยเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.5 ล้านคน และผู้พิการ 2.2 ล้านคน แต่เมื่อมีการคัดรายชื่อที่ซ้ำกันออก จะเหลือผู้มีสิทธิ 14.5 ล้านคน
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คาดว่าจะโอนเงินได้ในช่วงวันที่ 20 ก.ย. เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม นอกจากการแจกเงินล็อตแรกแล้ว ยังมีการปรับเงื่อนไขบางอย่างของโครงการ แต่รัฐบาลยังคงเดินหน้าโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” โดยในเอกสารแถลงนโยบายของนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่า “รัฐบาลจะเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย ควบคู่กับการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพโดยให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรก และผลักดันโครงกำรดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) ซึ่งจะเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล และพัฒนาศูนย์ข้อมูลภาครัฐที่มุ่งการพัฒนานโยบายที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน พร้อมเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชน และการประกอบอาชีพ”
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 ต่อที่ประชุมวุฒิสภาว่ารัฐบาลได้เตรียมกรอบงบประมาณสำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตไว้ 450,00 ล้านบาท
รัฐบาลใช้การบริหารจัดการงบประมาณในส่วนที่สามารถทำได้ โดยในปี 2567 ที่ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 122,000 ล้านบาท และรวมงบประมาณส่วนอื่นอีกกว่า 23,000 ล้านบาท เพื่อนำมาช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางในช่วงปลายเดือนก.ย.นี้ และในปีงบประมาณ 2568 ก็จะมีการบริหารจัดการงบประมาณเช่นกัน
รัฐบาลจะมีการปรับเปลี่ยนโครงการฯภายหลังการปิดลงทะเบียน เมื่อรู้จำนวนผู้ลงทะเบียนทั้งหมด โดยหักลบกลุ่มเปราะบางออกและจะเหลือทราบจำนวนผู้ขอใช้สิทธิที่ชัดเจน และรัฐบาลก็จะบริหารจัดการโดยใช้งบประมาณที่มีอยู่ และใช้การบริหารจัดการงบประมาณบางส่วน ซึ่งจากจำนวนผู้ลงทะเบียนขณะนี้ 32 ล้านคน ยังไม่หักกลุ่มเปราะบางออก อยู่ในวิสัยที่รัฐบาลสามารถบริหารจัดการได้
อ่านเพิ่มเติม:
เงินดิจิทัล 10,000 บาท จ่ายทันทีหลังแถลงนโยบาย
ปรับเงื่อนไขโครงการดิจิทัลวอลเล็ต: เมื่อกลุ่มเปราะบางไม่ใช่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ