หลังประเทศไทย เริ่มเข้า “กระบวนการเพื่อการเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD)” เมื่อ 30 ต.ค. 67 ในรัฐบาลของ แพรทองธา ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผ่านไปกว่า 1 ปี ถึงรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้มีการส่ง “บันทึกข้อตกลงเบื้องต้น” ให้กับโออีซีดี ซึ่งเป็นการประเมินสถานะของประเทศในการเตรียมความพร้อมเข้าเป็นสมาชิก
ปัจจุบัน OECD มีสมาชิก 38 ประเทศ และอยู่ระหว่างการรับสมาชิกเพิ่มเติม รวมถึงประเทศไทย ซึ่งกลุ่มประเทศ OECD ถือว่าเป็นกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ และ ประเทศสมาชิกส่วนใหญ่เป็นประเทศพัฒนาแล้ว แต่การเข้าเป็นสมาชิก จะต้องมีกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ให้สอดคล้องมาตรฐานและแนวทางที่โออีซีดีกำหนด
เมื่อ 8 ธ.ค. 68 ประเทศไทยได้มอบบันทึกข้อตกลงเบื้องต้นให้กับ ฟรานติเช็ก รูซิกกา รองเลขาธิการแห่งองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD Deputy Secretary-General) ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกกับ OECD
บันทึกข้อตกลงเบื้องต้น คือ การประเมินตนเองขั้นต้นของประเทศไทย เพื่อให้มีความสอดคล้องด้านกฎหมาย นโยบายและแนวปฏิบัติของประเทศไทยต่อมาตรฐานและแนวทางปฏิบัติที่ดีของ OECD การยื่นครั้งนี้ถือเป็นการเริ่มต้นกระบวนการการประเมินทางเทคนิคภายใต้กระบวนการการเข้าสู่การเป็นสมาชิกขององค์การ
ทั้งนี้ แผนการดำเนินการเพื่อเข้าเป็นสมาชิกของประเทศไทย (Thailand’s Accession Roadmap) ซึ่งได้รับการลงมติจากประเทศสมาชิก 38 ประเทศขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เมื่อ ก.ค. 67 จากนี้ไป คณะกรรมาธิการที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางทั้ง 25 คณะ ซึ่งครอบคลุมนโยบายในหลายๆ ด้าน เช่น สภาพแวดล้อมด้านการลงทุน ตลาดการเงินและการพัฒนาระดับภูมิภาค จะเริ่มประเมินเชิงลึกถึงสถานะของประเทศไทย
ตลอดกระบวนการเข้าสู่การเป็นสมาชิกนั้น สมาชิกของOECD และประเทศไทยจะเจรจากันอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยสนับสนุนการแก้ไขกฎหมาย นโยบายและแนวทางปฏิบัติให้สอดคล้องกับมาตรฐานและแนวทางปฏิบัติที่ดีของ OECD ให้มากขึ้น ทั้งนี้ กระบวนการเข้าสู่การเป็นสมาชิกจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิด “การปฏิรูป”อย่างมีประสิทธิภาพ
อ่านเพิ่มเติม: OECD เริ่มกระบวนการ รับไทยเข้าเป็นสมาชิก
มาธิอัส คอร์มันน์ เลขาธิการ โออีซีดี ระบุว่า กระบวนการเข้าสู่การเป็นสมาชิกขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) คือเส้นทางสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่จะช่วยส่งเสริมประเทศไทยในการพัฒนาแผนงานการปฏิรูปได้อย่างครอบคลุม และเสริมสร้างรากฐานให้มั่นคงเพื่อการเจริญเติบโตในระยะยาวควบคู่ไปกับการยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งสอดรับกับเป้าหมายของประเทศไทยที่มุ่งหน้าเข้าสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้สูงภายในปี 2580
“กระบวนการนี้จะเป็นประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่าย ประเทศไทยจะเข้าถึงเครือข่ายด้านนโยบายและผู้เชี่ยวชาญจาก OECD ในขณะเดียวกัน OECD จะได้รับประโยชน์จากประเทศไทย จากข้อมูลเฉพาะและแนวคิดจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้ามาในการทำงานขององค์การ”
ยื่นแสดงเจตจำนงต้านการใช้สินบน
ในคราวเดียวกันนี้ ประเทศไทยได้ยื่นหนังสือแสดงเจตจำนงเริ่มกระบวนการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐต่างประเทศในการทำธุรกรรมทางธุรกิจระหว่างประเทศ (OECD Anti-Bribery Convention) อย่างเป็นทางการ
อนุสัญญาฉบับนี้เป็นมาตรฐานที่สำคัญขององค์การที่จะช่วยวางรากฐานด้านกฎหมายให้แก่ประเทศเพื่อการต่อต้านการให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐต่างประเทศ การปฏิบัติตามอนุสัญญาอย่างมีประสิทธิภาพถือเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการเข้าสู่การเป็นสมาชิก OECD โดยรวม
ทั้งนี้ ประเทศไทย เป็นประเทศพันธมิตรของ OECD มาตลอดระยะเวลานานกว่าสองทศวรรษ รวมไปถึงโครงการร่วมมือเฉพาะทางระหว่างองค์การและประเทศไทยทั้งสองระยะ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 ซึ่งทำให้ประเทศไทยได้เข้ามามีส่วนร่วมในคณะกรรมการขององค์การในหลากหลายคณะและ การเข้ามาเป็นภาคีในมาตรฐานต่าง ๆ ขององค์การ ก่อนหน้าที่จะกลายมาเป็นประเทศผู้สมัครเพื่อการเข้าสู่การเป็นสมาชิก คณะมนตรีแห่งองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD Council) ได้ลงมติเพื่อเปิดการเจรจาหารือเพื่อการเข้าสู่การเป็นสมาชิกกับประเทศไทยเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2567
ผลจากการร่วมมือประสานงานกับประเทศต่าง ๆ มากกว่า 100 ประเทศ OECD จึงเป็นเวทีอภิปรายสากลด้านนโยบายที่ส่งเสริมหลักการต่าง ๆ เพื่อการดำรงไว้ซึ่งเสรีภาพของปัจเจกชนและการยกระดับมาตรฐานความผาสุกด้านเศรษฐกิจและสังคมของผู้คนทั่วโลก
การยกระดับประสิทธิภาพการทำงานควบคู่ไปกับการวางระบบอย่างมีระเบียบแบบแผน สามารถช่วยขับเคลื่อนและส่งเสริมผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตได้อย่างเป็นผลสำเร็จ
แนะไทยต้องเพิ่มประสิทธิภาพ-ลดหนี้สาธารณะ
ในโอกาสเริ่ม “กระบวนการเพื่อการเข้าเป็นสมาชิก” ทาง OECD ยังออกรายงานฉบับใหม่เกี่ยวกับประเทศไทย โดระบุว่า ประเทศไทยได้พัฒนาสร้างความก้าวหน้าในด้านเศรษฐกิจและสังคมให้เติบโตได้อย่างมีนัยยะสำคัญในช่วงกว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา ในการรักษาระดับการเจริญเติบโตนี้ไว้ ประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องยกระดับประสิทธิภาพในการทำงาน ควบคู่ไปกับการลดภาระหนี้สาธารณะ การให้ความสำคัญกับประชากรในกลุ่มผู้สูงอายุ การรับมือกับสิ่งที่ยังขาดระเบียบแบบแผนที่ชัดเจน รวมไปถึงการส่งเสริมมาตรการเพื่อดำเนินเข้าสู่เส้นทางการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
รายงานการสำรวจเศรษฐกิจไทยของ OECD ประเมินว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศมีการเติบโตที่ 2% ในปีนี้ จะคาดว่าจะเติบโตที่ 1.5 % ในปี พ.ศ. 2569 การฟื้นตัวทางอุปสงค์ภายในประเทศและการส่งออกเมื่อผลกระทบจากภาษีลดลง จะช่วยหนุนอัตราการเจริญเติบโตด้านผลผลิตเชิงเศรษฐกิจให้โตขึ้นเป็น 2.6 % ในปี พ.ศ. 2570 ส่วนภาวะเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไป
ปฏิรูปการทำงาน คือความท้าทาย
ฟรานติเช็ก รูซิกกา ระบุว่าการรักษาประคับประคองความเจริญเติบโตให้มั่นคงแข็งแรง ภายหลังการพัฒนาด้านสังคมและเศรษฐกิจนับทศวรรษให้มีความก้าวหน้าจนเป็นที่น่าจับตามอง จึงกลายเป็นเรื่องที่น่าท้าทายมากยิ่งขึ้นสำหรับประเทศไทย
“การมุ่งหน้ารัดเข็มขัดทางการคลัง ควบคู่ไปกับการปฏิรูปเพื่อการยกระดับการขับเคลื่อนการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการส่งเสริมการวางระบบอย่างมีระเบียบแบบแผน คือหัวใจสำคัญของการพัฒนาเพื่อรักษาระดับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและทางสังคมที่ยั่งยืน”
แนะเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม
ฟรานติเช็ก รูซิกกา ระบุอีกว่าเมื่อคำนึงถึงประชากรผู้สูงอายุ รายจ่ายสาธารณะจะขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากค่าใช้จ่ายในส่วนของบำนาญและการดูแลสุขภาพ ดังนั้นการปรับขอบเขตและการเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมกับการลดขีดระดับของภาษีรายได้ส่วนบุคคลให้ต่ำลงจะช่วยสร้างเสถียรภาพการคลังให้ยั่งยืนและมั่นคงได้
การเดินหน้าปฏิรูปด้านกฎระเบียบข้อบังคับ รวมไปถึงการผ่อนปรนข้อจำกัดด้านการลงทุนจากต่างประเทศและการขจัดอุปสรรคด้านการแข่งขัน จะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดประสิทธิภาพด้านการทำงานให้สูงยิ่งขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ การส่งเสริมความเป็นธรรมโดยการลดบทบาทที่มีอิทธิพลของรัฐวิสาหกิจจะเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านประสิทธิภาพในการทำงานของประเทศไทยได้เช่นกัน
อนึ่ง การส่งเสริมความพร้อมในรับมือกับสิ่งที่ยังขาดระเบียบแบบแผนอย่างชัดเจนถือว่าเป็นความจำเป็น เนื่องจากปัญหานี้คืออุปสรรคสำคัญด้านเศรษฐกิจประการหนึ่งของประเทศไทยที่ยังปรากฎให้เห็น การลดต้นทุนในการสร้างงานที่ถูกกฎหมาย รวมไปถึงการลดต้นทุนโดยผ่านการปฏิรูประบบการปกป้องทางสังคม จะช่วยเกื้อกูลให้เกิดการสร้างงานที่มีแบบแผน การยกระดับต้นทุนด้านทรัพยากรมนุษย์ผ่านการปฏิรูปทางด้านการศึกษา เช่น การปรับเปลี่ยนเนื้อหาหลักสูตรการศึกษาให้ทันสมัย การพัฒนาต่อยอดการฝึกอบรมวิชาชีพ จะเป็นแนวทางในการสร้างระบบการจ้างงานให้มีระเบียบแบบแผนยิ่งขึ้นได้
การเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศที่มีความรุนแรงอย่างยิ่งยวด เช่น น้ำท่วม ความแห้งแล้ง ต่างก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมของประเทศไทย การยกระดับความสามารถในการปรับตัวด้านเกษตรกรรม การส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานที่มีความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งระบบการแจ้งเตือนล่วงหน้า จะช่วยลดมูลค่าความเสียหายอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพทางภูมิอากาศ ขณะเดียวกัน การเร่งขยายแหล่งพลังงานหมุนเวียนคือตัวแปรสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายของประเทศเพื่อรับมือกับความรุนแรงอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ
ไทยเป็นประเทศที่ 2 ในอาเซียน
องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) มีประเทศสมาชิก 38 ประเทศ ซึ่งได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับประเทศไทย รวมไปถึงการทำงานร่วมกันผ่านโครงการความร่วมมือเฉพาะกิจสองระยะ ตั้งแต่ปี 2561 เพื่อส่งเสริม สนับสนุน แผนงานการปฏิรูปของประเทศ ถัดจากประเทศอินโดนีเซีย
ประเทศไทยได้กลายประเทศที่เข้าไปเป็นภาคีสนธิสัญญาลำดับที่สองจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเดือน มิ.ย. 67 และแผนงานเชิงกลยุทธ์เพื่อกระบวนการเข้าเป็นสมาชิกของประเทศไทย เพื่อวางระเบียบข้อกำหนด เงื่อนไขและกระบวนการเข้าร่วมเป็นสมาชิกได้รับการลงมติโดยคณะมนตรีแห่งองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD Council) ในเดือน ก.ค. 67
ตามแผนงานเชิงกลยุทธ์ฉบับนี้ ประเทศไทยจะเข้าร่วมการเจรจาพูดคุยเชิงลึกกับคณะกรรมาธิการที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง 25 รายขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ซึ่งประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายจากสมาชิกขององค์การแต่ละประเทศและสหภาพยุโรป โดยมีเป้าหมายเพื่อความสอดคล้องด้านกฎหมาย นโยบายและแนวปฏิบัติระหว่างประเทศไทยกับมาตรฐานและธรรมเนียมปฏิบัติที่ดีงามขององค์การ ซึ่งมีความหลากหลายในหัวข้อด้านนโยบายรัฐ รวมทั้งนโยบายทางเศรษฐกิจ ตลาดแรงงานและนโยบายทางสังคม การศึกษาและด้านสาธารณสุข
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง:


