ThaiPBS Logo

ภัยพิบัติ

ภัยพิบัติเป็นอีกปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยและรุนแรงขึ้นในหลายพื้นที่เสี่ยงทั่วประเทศ รัฐบาลส่วนกลางมีนโยบายเพิ่มขีดความสามารถชุมชนท้องถิ่นในการจัดการ และปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยรัฐบาลจะสร้างการมีส่วนร่วมในการรับมือกับภัยธรรมชาติโดยเฉพาะการแก้ปัญหา PM 2.5 และการบริหารจัดการน้ำ  

  • เริ่มนโยบาย
  • วางแผน
  • ตัดสินใจ
  • ดำเนินงาน
  • ประเมินผล

เริ่มนโยบาย

ขั้นตอนเริ่มต้นนโยบาย ประกาศนโยบายต่อสาธารณะ

วางแผน

ขั้นตอนวางแผน เสนอแผนงานต่างๆ

ตัดสินใจ

ดำเนินการตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564-2570

ดำเนินงาน

ขั้นตอนการตรวจสอบการทำงาน

ประเมินผล

ขั้นตอนการประเมินผลการดำเนินการตามนโยบาย

Policy Analysis Canvas

นโยบาย

การจัดการภัยพิบัติ

เจ้าภาพขับเคลื่อน

กระทรวงมหาดไทย

คน/ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
  • ภาคประชาสังคม
  • ท้องถิ่น
  • เอกชน

รายละเอียดนโยบาย/ กิจกรรม

  1. การมุ่งเน้นการลดความเสี่ยงจากสาธารณภัย
  2. เพิ่มประสิทธิภาพและระบบบริหารจัดการและประยุกต์ใช้นวัตกรรมด้านสาธารณภัย
  3. ส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนระหว่างประเทศในการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัย
  4.  การจัดการภาวะฉุกเฉินแบบบูรณาการ
  5. การเพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นฟูอย่างยั่งยืน

เครื่องมือที่ใช้ เช่น กฎหมาย งบฯ ข้อมูล

  • พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550
  • แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564-2570
  • กรอบปฏิญญาเซนได ว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติครั้งที่ 3

ประชาชนได้อะไรจากนโยบายนี้

ลดความสูญเสียจากภัยพิบัติอย่างเป็นระบบ

 

ประชาชนเสียอะไรจากนโยบายนี้

ประชาชนมีส่วนร่วมในนโยบายนี้ได้อย่างไร เช่น เวทีนโยบายสาธารณะ สมัชชาสุขภาพ ประชาพิจารณ์

จัดเวทีระดมความเห็นแลกเปลี่ยน จัดทำข้อเสนอรับมือภัยพิบัติระดับท้องถิ่น

ที่มานโยบาย

  • พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550
  • คำแถลงนโยบายของ นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร

ความท้าทายของนโยบายนี้

  • ขาดงบประมาณการดำเนินการระยะยาว
  • ขาดข้อมูลระดับพื้นที่

 

กลุ่มเป้าหมายของนโยบาย เช่น ประชาชนทั่วไป กลุ่มผู้เปราะบาง ผู้สูงอายุ

ประชาชนทั่วไป

 

อ่านเพิ่มเติม

สถานการณ์ล่าสุด

1 ธ.ค. 68 คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ มีมติเห็นชอบมาตรการเพิ่มเติมเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูผู้ประสบภัยจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง โดยเป็นชุดมาตรการที่ประกอบด้วย พักหนี้ทั้งเงินและดอกเบี้ยลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐ การให้สินเชื่อเพื่อการยังชีพและฟื้นฟูบ้านเรือนที่อยู่อาศัย รวมถึงสินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรนสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)

24 พ.ย.2568 วิกฤติน้ำท่วมหาดใหญ่ รัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ประชุมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ประจำปี 2568 เพื่อประเมินสถานการณ์และกำหนดแผนการช่วยเหลือและอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงและ ประกาศ 16 อำเภอ หรือทั้งจังหวัดสงขลา เป็นเขตภัยพิบัติ นอกจากนี้สั่งอพยพ ประชาชนในพื้นที่หาดใหญ่ทั้งหมด 100 % ไปยังศูนย์อพยพ 5 แห่ง
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา รายงานสถานการณ์สาธารณภัย ระหว่างวันที่ 20–23 พ.ย.2568 พบว่า ขณะนี้ ทั้ง 16 อำเภอของจังหวัดสงขลาได้รับผลกระทบแล้ว รวม 115 ตำบล 821 หมู่บ้าน 167 ชุมชน มีประชาชนได้รับผลกระทบจำนวน 243,568 ครัวเรือน รวม 635,423 คน ต้องอพยพรวม 1,224 คน และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 คน

20 พ.ย. 68 กรมชลประทานชี้แจงกรณี “น้ำท่วมซ้ำซาก” ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ อ.ผักไห่ อ.เสนา และ อ.บางบาล ที่ต้องรับน้ำต่อเนื่องเป็นระลอกที่ 4-5 และมีความกังวลว่าเกิดจากความผิดพลาดในการบริหารจัดการน้ำนั้น

1. ทำไมน้ำยังท่วม ทั้งที่เข้าสู่หน้าหนาว? ปีนี้เราเผชิญกับความแปรปรวนของสภาพอากาศ อย่างชัดเจน แม้จะเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน แต่ยังคงมี “ฝนตกหนักกระจุกตัว” ในพื้นที่ภาคเหนือและพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีมวลน้ำไหลลงมาสมทบในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำสะแกกรังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เกินกว่าค่าเฉลี่ยปกติ เป็นเหตุสุดวิสัยทางธรรมชาติที่กรมฯ ต้องบริหารจัดการอย่างเร่งด่วนเพื่อความปลอดภัยของเขื่อนและภาพรวมทั้งลุ่มน้ำ

2. ทำไมไม่ผันน้ำออก ซ้าย-ขวา ให้มากกว่านี้? กรมชลประทานได้บริหารจัดการโดย “เฉลี่ยน้ำ” ออกสู่คลองชัยนาท-ป่าสัก (ฝั่งออก) และ แม่น้ำท่าจีน/คลองมะขามเฒ่า-อู่ทอง (ฝั่งตก) อย่างเต็มศักยภาพสูงสุดที่คันคลองจะรับไหว

ข้อควรระวัง คลองส่งน้ำเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อ “การชลประทาน” ไม่ใช่ “ทางระบายน้ำหลากขนาดใหญ่” หากอัดน้ำเข้าไปเกินขีดจำกัด จะเกิดความเสี่ยง “คันคลองวิบัติ” (คลองแตก) ซึ่งจะทำให้น้ำบ่าเข้าท่วมพื้นที่เกษตรและชุมชนในวงกว้างแบบฉับพลันและควบคุมไม่ได้ ซึ่งจะเสียหายร้ายแรงกว่าปัจจุบันมาก

3. การบริหารพื้นที่ทุ่งรับน้ำ การผันน้ำเข้าทุ่งต้องอาศัยจังหวะเวลาที่แม่นยำเพื่อ “ตัดยอดน้ำสูงสุด” หากเปิดรับน้ำเร็วเกินไป ทุ่งจะเต็มก่อนที่มวลน้ำก้อนใหญ่ที่สุดจะมาถึง ทำให้เราไม่เหลือพื้นที่หน่วงน้ำในช่วงวิกฤติ ประกอบกับต้องรอให้พี่น้องเกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตให้แล้วเสร็จเพื่อลดความเสียหายทางเศรษฐกิจ

4. ทางออกที่ยั่งยืน กรมชลประทานตระหนักดีว่าการบริหารในปัจจุบันเป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เราจึงเร่งรัดโครงการ “คลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร” ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อทำหน้าที่เป็นทางด่วนน้ำเลี่ยงเมืองอยุธยา ซึ่งจะช่วยระบายน้ำลงสู่อ่าวไทยได้เร็วขึ้น แก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในระยะยาวได้อย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ กรมชลประทาน เข้าใจและเห็นใจในความเดือดร้อนของพี่น้องชาวอยุธยาที่ต้องแบกรับภาระพื้นที่รับน้ำ เราขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนกำลังทำงานอย่างหนักตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อระบายน้ำออกสู่ทะเลให้เร็วที่สุด และดูแลเสริมความมั่นคงของคันกั้นน้ำเพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนให้เหลือน้อยที่สุดครับ

เหตุการณ์สึนามิเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2547 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญให้เกิดการวางนโยบายและจัดการภัยพิบัติ เริ่มจากการออก พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550  ที่วางกรอบการการทำงาน  โดยกำหนดให้ ปภ. เป็นหน่วยงานกลางของรัฐในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รัฐมนตรี เป็นผู้บัญชาการ

โดยกำหนดขอบเขตของคำว่า “สาธารณภัย” ไว้ครอบคลุม   “อัคคีภัย วาตภัย อุทกภัย ภัยแล้ง โรคระบาดในมนุษย์ โรคระบาดสัตว์ โรคระบาดสัตว์น้ำ การระบาดของศัตรูพืช ตลอดจนภัยอื่น ๆ อันมีผลกระทบต่อสาธารณชน ไม่ว่าเกิด จากธรรมชาติ มีผู้ทำให้เกิดขึ้น อุบัติเหตุ หรือเหตุอื่นใดซึ่งก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกายของประชาชน หรือความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชน หรือของรัฐ และให้หมายความรวมถึงภัยทางอากาศ และการก่อวินาศกรรมด้วย”

ถัดมากระทรวงมหาดไทยได้ออกแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564-2570 ซึ่ง ครม. เมื่อวันที่ 5 ก.ค.  2565 มีมติอนุมัติแผน พร้อมทั้ง  มอบหมายให้กระทรวง กรม หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคส่วนอื่น ๆ ปฏิบัติการให้เป็นไปตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564-2570

โดยแผนนี้จะเชื่อมโยงกับ แผนกระทรวง/ กรมที่เกี่ยวข้อง  อาทิ แผนบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงกลาโหม  แผนเตรียมความพร้อมแห่งชาติ แผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำ แผนยุทธศาสตร์เตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ (พ.ศ.2560-2564 ) แผนยุทธศาสตร์กรม ปภ. พ.ศ. 2565-2570  ไปจนถึงแผนปฏิบัติการภายใต้แผน ปภ.ชาติ  แผนแม่บทแต่ละประเภทภัย  เช่น อุทกภัย แผ่นดินไหว สึนามิ ฯลฯ แผนเผชิญเหตุแต่ละประเภทภัย แผนปฏิบัติการแต่ละประเภทภัย

และแผนสนับสนุนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของศูนย์ ปภ.เขต แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัด/กทม./อำเภอ/อปท./ชุมชน  ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรอง ราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณี ฉุกเฉิน พ.ศ.2562

สำหรับแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564-2570 กำหนดยุทธศาสตร์ ลดความเสี่ยงจากสาธารณภัยให้มีประสิทธิภาพ โดยยุทธศาสตร์ที่ 1 การมุ่งเน้นการลดความเสี่ยงจากสาธารณภัย  ยุทธศาสตร์ที่ 2  เพิ่มประสิทธิภาพและระบบบริหารจัดการและประยุกต์ใช้นวัตกรรมด้านสาธารณภัย ยุทธศาสตร์ที่ 3 ส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนระหว่างประเทศในการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัย ยุทธศาสตร์ที่ 4 การจัดการภาวะฉุกเฉินแบบบูรณาการ และยุทธศาสตร์ที่ 5  การเพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นฟูอย่างยั่งยืน

 

ในส่วนที่น่าสนใจคือ ยุทธศาสตร์ที่ 2 ซึงมีรายละเอียดกำหนดให้มีการพัฒนาระบบสารสนเทศด้านสาธารณภัย พัฒนาการจัดการองค์ความรู้ด้านการจัดการความเสี่ยงจากสาธาณภัย  พัฒนาการสื่อสารความเสี่ยง จากสาธารณภัยที่มีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการลงทุนด้านการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัยแบบมีส่วนร่วมจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ในทุกระดับ และ เสริมสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการจัดการความเสี่ยง จากสาธารณภัย

อีกด้านหนึ่งไทยได้ลงนามใน “กรอบปฏิญญาเซนได” เป็นเครื่องมือในการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติของโลกที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากจากกรอบการดำเนินงานเฮียวโกะ (Hyogo Framework for Action 2005-2015) โดยมีประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติให้การรับรองกว่า 187 ประเทศ  กรอบปฏิญญานี้เกิดขึ้นในการประชุมสหประชาชาติระดับโลกว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 14-18 มีนาคม 2558 ณ เมืองเซนได ประเทศญี่ปุ่น

เป้าหมายของ  “กรอบปฏิญญาเซนได”  คือป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงใหม่และลดความเสี่ยงที่มีอยู่โดยแบ่งแบ่งการดำเนินงานออกเป็น
“ลด 4 อย่าง เพิ่ม 3 อย่าง” โดยการลด 4 อย่าง คือ 1) ลดอัตราการเสียชีวิต 2) ลดจำนวนผู้ได้รับผลกระทบ 3) ลดความสูญเสียด้านเศรษฐกิจ และ
4) ลดความเสียหายต่อสาธารณูปโภค สาธารณูปการ และบริการพื้นฐาน และเพิ่ม 3 อย่าง คือ 1) เพิ่มแผนยุทธศาสตร์ ลดความเสี่ยงระดับชาติ และระดับท้องถิ่น 2) เพิ่มการให้ความช่วยเหลือระหว่างประเทศ และ 3) เพิ่มการเข้าถึงข้อมูลการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าและข้อมูลความเสี่ยง

สุดท้ายนำมาสู่นโยบายการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ

  1. มุ่งเน้นลดความเสี่ยงจากสาธารณภัยด้วยการสร้างความตระหนักรู้ ประเมินความเสี่ยง ใช้ข้อมูล การวางแผน การลงทุน
  2. ส่งสริมการวิจัย ประยุกต์ใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี และภูมิปัญญา โดยการยกระดับการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัย
  3. เสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนในการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัย ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ ให้ครอบคลุมทุกมิติ
  4. เสริมสร้างความเข้มแข็งการบูรณาการ ยกระดับมาตรฐานระบบ การจัดการในภาวะฉุกเฉิน การบรรเทาทุกข์ ช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็ว ทั่วถึง และทันต่อเหตุการณ์
  5. พัฒนาระบบการฟื้นฟูยั่งยืน ให้กลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว หรือให้ดีกว่าและปลอดภัยกว่าเดิม เพื่อลดความเสี่ยงเดิมและป้องกันความเสี่ยงใหม่

ล่าสุด นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร แถลงนโยบายต่อรัฐสภา  “เพิ่มขีดความสามารถของพื้นที่และชุมชนท้องถิ่นในการจัดการสิ่งแวดล้อมและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รัฐบาลจะสร้างมีส่วนร่วมในการรับมือกับภัยธรรมชาติโดยเฉพาะการแก้ปัญหา PM 2.5  และการบริหารจัดการน้ำ ที่จะต้องได้รับความร่วมมือระหว่างประเทศ  12 ก.ย. 2567

นโยบายรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกุล เร่งติดตั้งเครื่องมือเตือนภัยและพัฒนาเครือข่ายการเตือนภัยพิบัติ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง, เยียวยาและฟื้นฟูให้ประชาชนผู้ประสบภัยโดยเร่งด่วน, การอนุรักษ์ ฟื้นฟู และรักษาทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างยั่งยืน, ส่งเสริมการใช้พื้นที่ป่าและป่าชุมชนอย่างถูกต้อง รวมถึงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

 

ลำดับเหตุการณ์

  • ครม.เศรษฐกิจ เห็นชอบชุดมาตรการช่วยเหลือน้ำท่วมภาคใต้ พักหนี้ทั้งเงินและดอกเบี้ยลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐ สินเชื่อเพื่อการยังชีพและฟื้นฟูบ้านเรือน รวมถึงสินเชื่อผ่อนปรนให้กับเอสเอ็มอี

    1 ธ.ค. 2568

  • อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้มีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในอำเภอหาดใหญ่

    25 พ.ย. 2568

  • อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และรมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการน้ำในสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติในพื้นที่ภาคใต้

    24 พ.ย. 2568

  • จ.สงขลาประกาศเขตภัยพิบัติ16 อำเภอ จังหวัดแล้ว ขณะที่ หาดใหญ่น้ำเพิ่มสูงสั่งอพยพ 100 %  ดูเพิ่มเติม ›

    24 พ.ย. 2568

  • ครม. อนุทิน ชาญวีรกุล มีมติพิ่มเงินเยียวยาจากเดิม 9,000 บาท ให้พื้นที่น้ำท่วมขังนาน จ่ายแบบขั้นบันได 1-2 เดือนได้เพิ่ม 5,000 บาท และสูงสุดท่วมขังเกิน 4 เดือน เยียวยาอีก 20,000 บาท  ดูเพิ่มเติม ›

    18 พ.ย. 2568

  • กรมชลฯ ปรับลดการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท เหลือปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,775 ลบ.ม./วินาที (เมื่อวาน 2,800 ลบ.ม./วินาที)

    17 พ.ย. 2568

  • กรมชลประทาน ปรับลดระบายน้ำ เขื่อนเจ้าพระยา จาก 2,900 ลบ.ม./วินาที เหลือ 2,880 ลบ.ม./วินาที หลังฝนในพื้นที่ตอนบนลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำสายหลักต่าง ๆ มีแนวโน้มลดลง

    15 พ.ย. 2568

  • กรมชลประทาน ประกาศ เขื่อนเจ้าพระยา จะทยอยปรับเพิ่มการระบาย ตั้งแต่เวลา 16.00 น. จากอัตรา 2,800 ลบ.ม./วิ เป็นอัตรา 2,900 ลบ.ม./วิ

    10 พ.ย. 2568

  • กรมชลประทาน ปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จากอัตรา 350 ลบ.ม./วินาที เหลือ 300 ลบ.ม./วินาที เพื่อช่วยลดผลกระทบพื้นที่ตอนล่าง

    10 พ.ย. 2568

  • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ รายงาน เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท เพิ่มระบายน้ำในอัตรา 2,800 ลบ.ม./วินาที มีระดับน้ำเหนือเขื่อน +17.700 ม.รทก. และระดับน้ำท้ายเขื่อน +16.490 ม.รทก.

    10 พ.ย. 2568

  • GISTDA เผย ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพฯ ต้องเฝ้าระวังถึงผลกระทบจากการระบายน้ำที่เพิ่มขึ้นของเขื่อนเจ้าพระยา โดยเฉพาะพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และคลองสาขา ซึ่งเป็นจุดที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ รวมถึ  ดูเพิ่มเติม ›

    9 พ.ย. 2568

  • กรมชลประทาน ปรับอัตราการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จากเดิม 2,750 ลบ.ม./วินาที เป็น 2,750 ลบ.ม./วินาที เหตุพายุคัลแมกี ทำฝนตกหนักตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยาอีกระลอก ส่งผลให้น้ำเหนือเพิ่มขึ้น

    8 พ.ย. 2568

  • บริเวณเชิงสะพานป่าโมก ต. ป่าโมก อ. ป่าโมก จ. อ่างทอง พนังกั้นน้ำเจ้าพระยาเกิดพังทลาย หลังกระแสน้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระแสน้ำได้ไหลเข้าสู่บริเวณตลาดป่าโมกสูงกว่า 1 เมตร

    7 พ.ย. 2568

  • บ้านบางพระนอน หมู่ 1 ต.ทับยา อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เกิดจุดแตกด้านใต้ล่างนอกพนังกั้นน้ำจุดใหม่ ขนาดความกว้างประมาณ 2 เมตร น้ำได้ไหลทะลักเข้ามาพื้นที่ชุมชน

    7 พ.ย. 2568

  • จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับผลกระทบน้ำท่วม 8 อำเภอ 123 ตำบล 837 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 54,576 ครัวเรือน

    7 พ.ย. 2568

  • กรมอุตุฯ รายงาน เวลา 07.00 น. "คัลแมกี" อ่อนกำลังเป็นดีเปรสชันอยู่ที่เมืองจำปาสักตอนล่าง ประเทศลาว คาดจะเข้า อ. สิรินธร จ. อุบลราชธานี ช่วง 09.00-10.00 น. พายุเคลื่อนทางตะวันตกด้วยความเร็ว 30 กิโลเมตร

    7 พ.ย. 2568

  • กรมชลฯ เตือน 11 จังหวัดพื้นที่ริมน้ำเฝ้าระวังใกล้ชิด หลัง กนช.อนุญาตปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยามากกว่า 2,700 ลบ.ม./วินาที

    7 พ.ย. 2568

  • คันกั้นน้ำในพื้นที่ ต.โผงเผง จ.อ่างทอง พังเสียหายหลายจุด ส่งผลให้น้ำหลากท่วมบ้านประชาชน 500 หลังคาเรือน ส่วนที่ชัยนาท ชาวบ้านขนย้ายทรัพย์สินหนีน้ำท่วมมาพักบนถนนชั่วคราว  ดูเพิ่มเติม ›

    6 พ.ย. 2568

  • อ.สรรพยา จ.ชัยนาท แนวกระสอบทรายพนังกั้นน้ำแตก เข้าท่วมพื้นที่ใน 3 ตำบล สูง 30-150 ซม. ชาวบ้านกว่า 700 หลังคาเรือนขนของหนีน้ำกลางดึก

    6 พ.ย. 2568

  • นโยบายรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกุล เร่งติดตั้งเครื่องมือเตือนภัยและพัฒนาเครือข่ายการเตือนภัยพิบัติ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง

    29 ก.ย. 2568

  • แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.วัฒนธรรม ระบุว่า ทุกหน่วยงานพร้อมรับมือน้ำท่วมจากพายุวิภา ตั้งแต่ระบบเตือนภัย Cell Broadcast และตั้งวอร์รูม 24 ชั่วโมงติดตามใกล้ชิด

    23 ก.ค. 2568

  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นประธานการทดสอบระบบแจ้งเตือนภัยผ่านสัญญาณโทรศัพท์มือถือ หรือ Cell Broadcast ปปช.ได้รับข้อความใน 1 นาที

    7 พ.ค. 2568

  • รัฐบาลการทดสอบระบบแจ้งเตือนภัยผ่านระบบเซลล์บรอดคาสต์ (Cell Broadcast)ครั้งแรกศาลากลางจังหวัดเชียงราย อุบลราชธานี สุพรรณบุรี สงขลา และอาคารศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคาร A และ B

    2 พ.ค. 2568

  • แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยืนยันไม่มีอาฟเตอร์ช็อก-แผ่นดินไหวที่ทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบเพิ่ม หลังหลายอาคารสั่งอพยพคนออกจากพื้นที่ ขอประชาชนอย่าตกใจ สั่งทุกอาคารตรวจความแข็งแรงก่อนเข้าใช้พื้นที่  ดูเพิ่มเติม ›

    31 มี.ค. 2568

  • ประมาณ 13.20 น. เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.2 ที่ประเทศเมียนมา มีความลึก 10 กิโลเมตร แรงสั่นสะเทือสส่งผลกระทบถึงไทย ตึก สตง.ถล่ม หลายตึกสูงร้าว  ดูเพิ่มเติม ›

    28 มี.ค. 2568

  • แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ แถลงนโยบายประกาศสร้างการมีส่วนร่วมในการรับมือกับภัยธรรมชาติโดยเฉพาะการแก้ปัญหา PM 2.5 และการบริหารจัดการน้ำ

    12 ก.ย. 2567

  • ทดสอบระบบแจ้งเตือนภัยด้วยการส่งผ่านข้อความ SMS (Cell Broadcast service) คาดแล้วเสร็จปี 2568  ดูเพิ่มเติม ›

    3 ก.ค. 2567

  • ครม. อนุมัติแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564-2570

    5 ก.ค. 2565

  • ปภ. เปิดให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันแจ้งเตือนสาธารณภัย Thai Disaster Alert โดยจะแจ้งเตือนพื้นที่ที่ผู้ใช้งานได้ลงทะเบียนรับการแจ้งเตือนไว้

    1 ก.พ. 2565

  • ประกาศใช้ พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 เพื่อให้เกิดการบูรณาการการบริหารทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบ รวมทั้งวางหลักเกณฑ์ในการประกันสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในการเข้าถึงทรัพยากรน้้าสาธารณะ

    28 ธ.ค. 2561

  • ไทยลงนามในกรอบปฏิญญาเซนได ในการประชุมสหประชาชาติระดับโลกว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติครั้งที่ 3

    18 มี.ค. 2558

  • เปิดเว็บไซต์ Thaiwater.net เผยแพร่ข้อมูลสถานการณ์น้ำและสภาพอากาศจากการเชื่อมโยงหน่วยงานด้านทรัพยากรน้ำและภูมิอากาศให้ประชาชนเข้าถึงได้

    2555

  • ไทยลงนามความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในการจัดการภัยพิบัติ (ต่อยอดจากการดำเนินการตาม AADMER)

    17 พ.ย. 2554

  • ตั้ง คณะกรรมการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (กภช.) มีหน้าที่เสนอแนวทาง นโยบาย มาตรการ และแผนการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติ จัดทำมาตรการ แนวทาง แผนงาน และโครงการ เป็นกรอบดำเนินงานของหน่วยราชการ  ดูเพิ่มเติม ›

    25 ธ.ค. 2552

  • แผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ พ.ศ. 2552 - 2556 ได้รับการต่ออายุ พ.ศ. 2558 - 2562

    2552

  • สภาฯ ผ่าน พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 วางกรอบการการจัดการภัยพิบัติ

    1 ธ.ค. 2550

  • ประกาศใช้กฎกระทรวงมหาดไทย กำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ. 2550 และขยายพื้นที่เสี่ยงภัยถึงกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑล   ดูเพิ่มเติม ›

    30 พ.ย. 2550

  • จัดทำมาตรฐานประกอบการออกแบบอาคารเพื่อต้านทานการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว (มยผ. 1301) ซึ่งมีการปรับปรุงปี 2552, 2554 ล่าสุดคือปี 2561

    2550

  • กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหวติดตั้งระบบตรวจเฝ้าระวังแผ่นดินไหวอัตโนมัติ ปัจจุบันมีทั้งหมด 130 สถานี สามารถตรวจวัดความเร็วของพื้นดินและวิเคราะห์ตำแหน่งศูนย์กลางแผ่นดินไหว ขนาด และเวลาที่เกิดแผ่นดินไหว

    2549

  • มติ ครม. ติดตั้งเครื่องวัดระดับน้ำบริเวณทะเลอันดามันเพิ่มเติม 9 แห่ง จากเดิม 9 แห่ง ตรวจจับความผิดปกติของระดับน้ำหากมีสึนามิเกิดขึ้น 15 นาทีก่อนถึงแผ่นดิน และแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศไทยกับอินเดีย

    2 ส.ค. 2548

  • ไทยลงนามความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน (AADMER) เพื่อจัดให้มีกลไกลดความสูญเสียจากภัยพิบัติของประเทศสมาชิกอาเซียน  ดูเพิ่มเติม ›

    26 ก.ค. 2548

  • จัดตั้งคณะกรรมการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ และศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ภายใต้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ พ.ศ. 2548

    2548

  • ดำเนินการมาตรการป้องกันและระบบเตือนภัยธรรมชาติ (สึนามิ) ในพื้นที่ 6 จังหวัดที่ประสบภัย ก่อสร้างหอเตือนภัย 62 จุด หอสังเกตุการณ์และเตือนภัย 50 แห่ง หอกระจายข่าว 64 จุด และฝึกอบรมเจ้าหน้าที่อาสมัคร

    2548

  • เกิดเหตุสึนามิ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก นำมาสู่การวางแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอย่างเป็นระบบ

    26 ธ.ค. 2547

  • จัดตั้งสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร ภายใต้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  ดูเพิ่มเติม ›

    16 ม.ค. 2547

รายละเอียด

ความสำเร็จของนโยบาย

เชิงโครงการ

ลดความเสี่ยงจากสาธารณภัยให้มีประสิทธิภาพ
1) การมุ่งเน้นการลดความเสี่ยงจากสาธารณภัย 2) เพิ่มประสิทธิภาพและระบบบริหารจัดการและประยุกต์ใช้นวัตกรรมด้านสาธารณภัย 3) ส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนระหว่างประเทศในการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัย 4) การจัดการภาวะฉุกเฉินแบบบูรณาการ 5) การเพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นฟูอย่างยั่งยืน
"4 ลด" ตามกรอบเซนได
1) ลดอัตราการเสียชีวิต 2) ลดจำนวนผู้ได้รับผลกระทบ 3) ลดความสูญเสียด้านเศรษฐกิจ และ 4) ลดความเสียหายต่อสาธารณูปโภค สาธารณูปการ และบริการพื้นฐาน
"3 เพิ่ม" ตามกรอบเซนได
1) เพิ่มแผนยุทธศาสตร์ ลดความเสี่ยงระดับชาติ และระดับท้องถิ่น 2) เพิ่มการให้ความช่วยเหลือระหว่างประเทศ และ 3) เพิ่มการเข้าถึงข้อมูลการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าและข้อมูลความเสี่ยง

เชิงกระบวนการ

เพิ่มประสิทธิภาพและระบบบริหารจัดการและประยุกต์ใช้นวัตกรรมด้านสาธารณภัย
1) การพัฒนาระบบสารสนเทศด้านสาธารณภัย 2) พัฒนาการจัดการองค์ความรู้ด้านการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัย 3) พัฒนาการสื่อสารความเสี่ยง จากสาธารณภัยที่มีประสิทธิภาพ 4) ส่งเสริมการลงทุนด้านการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัยแบบมีส่วนร่วมจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ในทุกระดับ 5) เสริมสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการจัดการความเสี่ยง จากสาธารณภัย

เชิงการเมือง

เพิ่มขีดความสามารถพื้นที่รับมือภัยพิบัติ
พื้นที่และชุมชนท้องถิ่นในการจัดการสิ่งแวดล้อม และปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รัฐบาลจะสร้างมีส่วนร่วมในการรับมือกับภัยธรรมชาติโดยเฉพาะการแก้ปัญหา PM 2.5 และการบริหารจัดการน้ำ

อินโฟกราฟิก

Image 0Image 1Image 2Image 3

บทความ

ดูทั้งหมด
สัญญาณเตือนจากมหาอุทกภัยหาดใหญ่ ต้องรื้อใหญ่ "ระบบรับมือภัยพิบัติ"

สัญญาณเตือนจากมหาอุทกภัยหาดใหญ่ ต้องรื้อใหญ่ "ระบบรับมือภัยพิบัติ"

สััญญานเตือนจากมหาอุทกภัยหาดใหญ่ "โลกไม่เหมือนเดิม"อีกต่อไป การพยากรณ์แบบเก่า ระบบรับมือภัยพิบัติแบบเดิมใช้ไม่ได้ เพราะอุณหภูมิโลกที่ร้อนขึ้น ปรากฎการณ์ “ เอลนีโญ (El Niño) และลานีญา (La Niña)”แปรปรวนมาเร็ว และรุนแรงมากขึ้น

มหาอุทกภัยหาดใหญ่ “ความล้มเหลว” จัดการภัยพิบัติ

มหาอุทกภัยหาดใหญ่ “ความล้มเหลว” จัดการภัยพิบัติ

มหาอุทกภัยหาดใหญ่ และ 9 จังหวัดภาคใต้ สะท้อนความล้มเหลว จัดการภัยพิบัติที่ขาดการประสานงาน ขาดการเตรียมพร้อม และขาดผู้รับผิดชอบ แม้ประกาศ พระราชกำหนดฉุกเฉิน แต่ไร้ซิงเกิลคอมมานด์ ในการสั่งการเหตุการณ์ จนนำมาสู่ความเสียหาย ชีวิตและ ทรัพย์สินของชาวบ้านในพื้นที่จำนวนมาก

โรงเรียนไม่พร้อมรับ"ภัยพิบัติ": บทเรียนจาก บางบาลจมบาดาล 4 เดือน

โรงเรียนไม่พร้อมรับ"ภัยพิบัติ": บทเรียนจาก บางบาลจมบาดาล 4 เดือน

น้ำท่วม 4 เดือน พื้นที่รับน้ำ บางบาล จ.อยุธยา ทำให้นักเรียนไม่ได้ไปโรงเรียน แม้จะเรียนผ่านออนไลน์ ก็ขาดอุปกรณ์ อินเทอร์เน็ต ขณะที่ผลผลสำรวจยูนิเซฟ–นิด้าชี้โรงเรียนส่วนใหญ่เผชิญภัยพิบัติ แต่ขาดทรัพยากรและการสนับสนุน ไม่มีความพร้อมในการรับมือภัยพิบัติ

วิกฤตลำน้ำกก: ย้ายแหล่งน้ำดิบผลิตประปา หนีน้ำกกปนเปื้อนมลพิษ

วิกฤตลำน้ำกก: ย้ายแหล่งน้ำดิบผลิตประปา หนีน้ำกกปนเปื้อนมลพิษ

ขณะที่การแก้ปัญหามลพิษแม่น้ำกก ยังไม่ชัดเจนว่าจะแก้ด้วยมาตรการอะไร แต่ความเดือดร้อนของชาวเชียงรายกลับชัดเจนมากขึ้น ผลกระทบคืบคลานเข้ามาถึงตัวิ่งขึ้น เมื่อต้องย้ายแหล่งน้ำดิบที่เคยใช้ผลิตน้ำประปามายาวนาน เพื่อหนีมลพิษปนเปื้อนในแม่น่ำกก

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จุดไฟป่ารุนแรงทั่วโลก

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จุดไฟป่ารุนแรงทั่วโลก

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังเพิ่มความรุนแรงขึ้น หลังทั่วโลกปล่อยก๊าซเพิ่มต่อเนื่อง ในขณะที่ธรรมชาติดูดซับได้น้อยลง ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดน้ำท่วม-ฝนแล้งเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความรุนแรงของไฟป่าทั่วโลก

พื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติ  ชุมชนต้องตัดสินใจ อยู่ หรือ ย้าย?

พื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติ ชุมชนต้องตัดสินใจ อยู่ หรือ ย้าย?

ความสูญเสียจากภัยพิบัติซ้ำซากสะท้อนว่าไทยกำลังแบกรับภาระงบประมาณและไล่ตามเยียวยา ถึงเวลาป้องกันเชิงรุก โดยมีชุมชนเป็นแกนหลักในการจัดการ ส่วนรัฐ-นักวิชาการ-ประชาสังคมเป็นพี่เลี้ยง ร่วมผลักดันให้เกิด “แผนรองรับการย้ายถิ่น” และ “GIS Map” เป็นเครื่องมือ ช่วยตัดสินใจว่าจะ “อยู่” หรือ "ย้าย"

นโยบายภาคสังคมที่เกี่ยวข้อง

แก้ไขปัญหาไฟป่า กองทัพเป็นหน่วยงานหลักในการจัดการ

ไฟป่าเป็นอีกปัญหาที่ส่งผลกระทบรุนแรงในหลายมิติ และเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความพยายามระดมสรรพกำลังเข้าไปร่วมแก้ปัญหาตั้งแต่การวางแผนป้องกันและมาตรการระงับเหตุ แต่ด้วยพื้นที่ที่กว้างและทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดทำให้การแก้ปัญหายังจุดอ่อนในหลายประเด็น นำมาสู่ข้อเสนอให้กองทัพเข้ามาเป็นหน่วยงานหลักแก้ปัญหา

  • 1
  • 2
  • 3
  • 4
  • 5