สศช.ชำแหละนโยบายการแก้ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ พบว่า "ยิ่งแก้-ยิ่งจน" แม้จะมีโครงการต่อเนื่อง งบประมาณ 5 แสนล้าน แต่ทำได้เพียงระดับการ "การเยียวยา-สงเคราะห์" แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาโครงสร้างที่ส่งผลให้เกิดความยากจนและเหลื่อมล้ำได้ ในทางตรงกันข้ามความยากจนและความเหลื่อมล้ำกลับแย่ลง
คนจนในปี 67 ขยับขึ้นเป็น 4.89% ของประชากรทั้งประเทศ รวม 3.43 ล้านคน แต่ที่น่ากลัวกว่าคือ สถานการณ์ความจนรุนแรงขึ้น "คนจน ยิ่งจน" รายได้ต่ำเส้นความยากจนมากขึ้น สะท้อนรายได้ไม่เพียงพอกับค่าครองชีพ
สศช.ออกรายงานความเหลื่อมล้ำปี 67 พบว่าสังคมไทยเผชิญกับปัญหาความเหลื่อมล้ำรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศในอาเซียน พบว่าความเหลื่อมล้ำของไทยสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคอาเซียน ไม่ว่าจะเปรียบเทียบกับประเทศที่มีรายได้ต่อหัวต่ำกว่าหรือสูงกว่า เราย่ำแย่กว่าเพื่อน
นโยบายที่มุ่งผลลัพธ์รวดเร็ว กำลังสร้าง 'ช่องว่าง' ผลักให้ 'คนจน' ยิ่งจมดิ่ง ในขณะที่ปัญหาความยากจนซับซ้อน เกินกว่าจะแก้ไขได้ด้วยตัวเลขเพียงอย่างเดียวหรือ แก้โดยใครคนใดคนหนึ่ง 'ท้องถิ่น' จึงเป็นอีกกลไกสำคัญ ที่จะช่วยเติมเต็มช่องว่างรัฐและสังคม ให้เกิดการแก้ปัญหาที่สอดคล้องกับ "ชีวิตจริง" ของคนจน
ครึ่งทศวรรษของสารคดี “คนจนเมือง” ชี้ชัดว่าความจนไม่ใช่เรื่องปัจเจกบุคคล แต่เป็นผลพวงของโครงสร้างและวัฒนธรรมที่ทำให้คนจนต้องอยู่ในกรอบแห่งความเปราะบาง ขณะที่สังคมเคยชินกับการช่วยเหลือแบบเวทนานิยม โดยมองข้ามรากเหง้าของปัญหา
สังคมเปลี่ยน ความจนก็เปลี่ยน กลายเป็น “ภาวะ” ที่ใครก็เป็นได้ แต่นโยบายที่มีอยู่กลับตามไม่ทัน ขณะที่ “เกมของทุน” กำลังสร้างผู้แพ้เพิ่มขึ้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ถึงเวลาต้องเปลี่ยน “กติกา” ให้เป็นธรรม ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ ให้ทุกคนเข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดี
การแก้ไขปัญหาความจนในชนบทกลับชัดเจนมากกว่าในเมือง เพราะเมืองที่พัฒนาด้วยกลไกทุนนิยม สร้างความซับซ้อนเฉพาะตัว ทำให้คนจนเมืองต้องเผชิญกับความเหลื่อมล้ำ การถูกขูดรีด และถูกแบ่งแยกออกจากสังคม โจทย์สำคัญคือจะทำอย่างไรให้สามารถแก้ไขปัญหาความยากจนอันซับซ้อนหลายมิติไปพร้อมกัน
เตือนกรุงเทพมหานครรับมืออุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นจากโลกร้อน คาดอีกประมาณ 25 ปี อุณหภูมิจะสูง 30.5°C มากถึง 290 วันในแต่ละปี ธนาคารโลกประเมินกระทบหนัก ทั้งเรื่องสุขภาพและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะคนรายได้น้อย จะได้รับผลกระทบหนักสุด เรียกร้องหน่วยงานรัฐจับมือแก้ปัญหา ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ
ภาวะโลกร้อนกำลังส่งผลกระทบต่อเมืองอย่างชัดเจน ทั้งในรูปแบบ “การเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป” (slow onset events) เช่น อุณหภูมิเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น และความแห้งแล้งยาวนาน และ “เหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว” (extreme events) เช่น พายุฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน หรือคลื่นความร้อน
"ที่ดินแพง-กู้ยาก-กฎหมายล้าสมัย" ปัญหาสุดซับซ้อนของคนจนเมือง ที่สะท้อนถึงความล้มเหลวเชิงระบบ และการแก้ไขที่ไม่ทันต่อการเปลี่ยนของสังคม ถึงเวลาที่ต้องร่วมสร้าง “นวัตกรรม”และเพิ่มบทบาทท้องถิ่น เพื่อผลักดันให้ภาพฝันของคนรายได้น้อยได้มีบ้านที่มั่นคง
สศช. รายงาน "ดัชนีความยากจนหลายมิติ" หรือ MPI ระบุคนจนหลายมิติของไทยในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ลดลงกว่าครึ่ง แต่ความยากจนยังเป็นประเด็น"ท้าทาย" แม้สัดส่วนจะลดลง แต่คนจนมีมากถึง 7.17 ล้านคน และมีคนเสี่ยงเป็นคนจน "หลายมิติ" อีก 24.3 ล้านคน รวม 2 กลุ่มเกือบครึ่งประเทศจากประชากรในปีเดียวกัน 66.05 ล้านคน